วันนี้ (28 ก.พ.2566) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้เสนอ ผ้าขาวม้า ผ้าเอนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทย (Pha Khoa Ma : Multifunctional cloths in Thai life) ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ต่อยูเนสโก และให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรมในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญหาทางวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามในเอกสารการนำเสนอต่อไป
การเสนอนี้ เป็นไปตามที่ไทยได้เป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนและรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ซึ่งตามอนุสัญญาได้ให้รัฐภาคีสามารถเสนอรายการที่เป็นตัวแทนมรดกวัฒนธรรมฯ ต่อยูเนสโกได้ ที่ผ่านมาประเทศไทยได้นำเสนอรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมฯ และได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก ปี 2561 ขึ้นทะเบียนโขน ปี 2562 ขึ้นทะเบียนนวดไทย และปี 2564 ขึ้นทะเบียนโนรา
เหตุผลชู "ผ้าขาวม้า"
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ก่อนนำเสนอต่อยูเนสโกในครั้งนี้ คณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมได้มีการพิจารณาถึงคุณค่าของผ้าขาวม้าในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณค่าความสำคัญที่ผ้าขาวม้าที่มีต่อวิถีชีวิตคนไทย
ด้วยผ้าที่มีลวดลายตารางสี่เหลี่ยมเป็นเอกลักษณ์ขนาดกว้าง 60-80 ซม.และยาว 120-180 ซม. พบการใช้ประโยชน์อยู่ทุกภาคและชุมชน รวมถึงชาติพันธุ์ต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มไทลื้อ ไทยวน ไทยลาว ภูไท ส่วย กูย มีลวดลายหรือสีแตกต่างกันตามเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น เป็นผ้าสารพัดประโยชน์ เข้าถึงง่ายและผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยหลายด้าน
ทั้งการทอผ้าใช้กันเองในครัวเรือน แลกเปลี่ยนในหมู่บ้านและชุมชน ไปจนถึงเป็นของขวัญ และใช้ในงานพิธีกรรมต่างๆ มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชี้ว่าผ้าขาวม้ามีมาตั้งแต่สมัยเชียงแสนจนถึงปัจจุบัน ผ่านการปรับปรุงต่อยอดภูมิปัญญา พัฒนาคุณภาพให้ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายขึ้น
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ผ้าขาวมามีลักษณะที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ทั้งด้านการปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม งานเทศกาล ความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติด้วยการที่สะท้อนชีวิตที่เรียบง่ายและยั่งยืนเนื่องจากผ้าขาวม้าหนึ่งผืนสามารถนำมากลับใช้ใหม่และใช้หมุนเวียน ตลอดจนเกณฑ์ด้านงานช่างฝีมือดั้งเดิม
นอกจากนี้การเสนอขึ้นทะเบียนผ้าขาวม้า จะส่งเสริมการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมฯ อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่นำไปสู่การสะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรมในระดับโลก และแสดงถึงความสร้างสรรค์ของมนุษยชาติ