วันนี้ (15 ก.พ.2566) สภาฯ อภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 วันแรก
เวลา 11.30 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้มีความสำคัญ แม้จะลงมติไม่ได้ แต่ประชาชนจะลงมติประกอบการตัดสินใจเข้าคูหาเลือกตั้ง
นายพิธา กล่าวว่า ตลอดการทำงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็น 1 ทศวรรษ ที่สูญหาย ทั้งของงบประมาณ เวลา และโอกาส รัฐบาลใช้งบฯ ไปแล้ว 28 ล้านล้านบาท พร้อมยกตัวอย่างว่าสภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศถอยหลัง รั้งท้ายอาเซียน อยู่ในอันดับ 7 และยังไม่ฟื้นตัวจาก COVID-19 ย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2557 ประไทยไทยแพ้คู่แข่งภาคเกษตร ทั้งเวียดนาม กัมพูชา อินเดีย ปากีสถาน
นายพิธา ยังอภิปรายว่า ไทยสูญเสียเวลา ทั้งในด้านการศึกษา ความสามารถทางภาษาอังกฤษ, ดัชนีคอร์รัปชั่นในปี 2557 ไทยอยู่อันดับ 85 และต่ำลงมาอยู่อันดับ 110 ในปี 2565 แตกต่างจากคู่แข่งอย่างเวียดนาม, ปัญหาภัยแล้ง พบว่าพื้นที่แล้งซ้ำซากของภาคกลางเพิ่มขึ้นเป็น 14 ล้านไร่ ในปี 2565 จากเดิม 4 ล้านไร่ในปี 2557 วาทกรรมที่บอกว่ามีลุงไม่มีแล้ง จึงไม่เป็นความจริง
นอกจากนี้ ยังมีความสูญหายทางโอกาส คือ เลื่อนการปฏิรูปตำรวจ และลอยตัวเหนือปัญหาในการปฏิรูปทหาร ซึ่งภาพลักษณ์ของตำรวจมีปัญหา จริงหรือไม่ที่ตำรวจเกี่ยวข้องทุนจีนสีเทา ตั้งด่านตรวจรีดไถ่นักท่องเที่ยวไต้หวัน คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตำรวจขายข้อมูลให้มิจฉาชีพกลุ่มนี้ รวมถึงปัญหาส่วย เส้นสายในการเลื่อนตำแหน่ง
นายพิธา ยังตั้งคำถามถึงสาเหตุเรือหลวงสุโขทัยล่ม และความสูญเสียของทหารชั้นผู้น้อย ตั้งคำถามการใช้ F16 ไปดูแลกิจกรรมในครอบครัว ใช้ภาษีประชาชนเท่าใด และทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดคือการปฏิรูปกองทัพ
นายพิธา ยังเสนอให้เพิ่มสวัสดิการ ทลายทุนผูกขาด ส่งเสริมสุราก้าวหน้า รวมทั้งสร้างงาน ซ่อมประเทศ นำปัญหาของประชาชนเป็นตัวตั้ง และสร้างอุตสาหกรรมในการแก้ปัญหา สิ่งที่ประเทศทะเลาะกันตลอดไม่ใช่นโยบายเศรษฐกิจ พร้อมระบุว่า ต้องรีดงบฯ กองทัพ มาเป็นงบฯ สวัสดิการประชาชน และอุตสาหกรรมในอนาคต ไม่ใช่งบฯ 1,500 ล้านบาท เหมือนในอดีตที่ผ่านมา รวมทั้งกฎหมายมาตรา 112
สิ่งที่คนไทยหาจุดร่วมกันไม่ได้ คือ เรื่องของการเมืองดี เพราะการเมืองกับปากท้องคือเหรียญสองด้านที่เหมือนกัน การเมืองจะดีได้ต้องทำให้ประชาธิปไตยเต็มใบ เอาทหารออกจากการเมือง ปิดสวิตช์ 3 ป. ทำให้สามารถยึดโยงกับประชาชนได้ ให้คนที่มีความสามารถแต่ละเรื่องเข้ามาบริหารจัดการได้ การเลือกตั้งครั้งนี้คือโอกาสในการตัดวงจรของทศวรรษที่สูญหาย เป็นทศวรรษที่มีความหวัง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ชลน่าน" เปิดอภิปราย ชี้รัฐบาลไม่ทำตาม 12 นโยบายเร่งด่วน