ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ชูวิทย์" แฉอีก "มูลนิธิเป็นต่อ" ของเก๊ เป็นช่องทางฟอกเงิน

อาชญากรรม
13 ก.พ. 66
12:11
806
Logo Thai PBS
"ชูวิทย์" แฉอีก "มูลนิธิเป็นต่อ" ของเก๊ เป็นช่องทางฟอกเงิน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ชูวิทย์" เปิดข้อมูลอีก ระบุผลตรวจสอบ "มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป" หนึ่งในเครือข่าย "สารวัตรซัว" ที่ใช้มูลนิธิในการช่วยเหลือเด็ก มหาดไทยตรวจสอบแล้ว พบไม่ได้ขอจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ เชื่อมีไว้เป็นช่องทาง "ฟอกเงิน"

วันนี้ (13 ก.พ.2566) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า มูลนิธิเป็นต่อ (ของเก๊) อีกแล้ว นับวันชักแปลกเข้าไปทุกที อะไรที่ผมขุดขึ้นมาพูดมักมีอันเป็นไป ไม่ว่าสารพัดหน่วยงานรัฐ ไปยันตัวบุคคล หากผมไม่เอาขึ้นมาพูด ก็อยู่ดีมีสุข ต้องขออนุญาตไว้ตรงนี้ว่า “อย่าได้โทษผม”

อันที่จริงบ้านเมืองมีกฎหมาย มีเจ้าหน้าที่รัฐรับผิดชอบทุกเรื่อง แต่ดันเป็นความผิดของผม ที่เอาความจริงมาพูดให้สังคมได้ยินได้เห็น แล้วมีการตรวจสอบจับกุมกันวุ่นวาย ขนาดพูดแล้วยังทำเป็นปากแข็ง แต่ไม่นานก็หลุดลอกเห็นเนื้อแท้ว่า “ของเก๊”

อย่างสารวัตรซัว ทำเงินได้เป็นพันเป็นหมื่นล้านไม่เสียภาษีพนันสักบาท แถมเป็นตำรวจแท้ ๆ ไม่รู้เอาเวลาที่ไหนไปทำการค้าพนันออนไลน์ใหญ่โต แตกกิ่งก้านสาขาจนถึงขนาดเป็นเครือข่าย “เป็นต่อ กรุ๊ป”

ตั้งบริษัทเป็นสิบ ทำสารพัดอย่างไปยันอาบอบนวดร่ำรวยมหาศาล เอาทั้งเงิน เอาทั้งยศ เอาทั้งหน้า เอาทั้งบุญ มีถึง “มูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป” แต่พอกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบดันพบอีกว่า “ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ”

หากผมไม่เอามาพูด ก็คงใช้มูลนิธิฟอกขาว สร้างตัวตน ทำทีเป็นคนดีบริจาคให้เด็กยากจนตามต่างจังหวัด แต่เป็นได้แค่ประเภท “มือถือสาก ปากถือศีล” เหมือนกันหมด

พนมมือ เล่นไพ่ ปล้นเงินเด็กเป็นล้าน แต่บริจาคหลักร้อย แท้ที่จริงไม่ใช่มารวมตัวทำบุญอะไรหรอก หากจะทำกิจกรรมเพื่อสาธารณะไม่ต้องอ้างชื่อเป็นมูลนิธิก็ได้ แต่เหตุเพราะจะเอาไว้ใช้ “ฟอกเงิน” วิธีการคือเอาเงินผิดกฎหมายเข้าไปฟอก และบริจาคออกเท่านั้นเอง ขาเข้าเทา แต่ขาออกขาว

เคยบอกแล้วว่า พวกพนันออนไลน์มีปัญหาคือ มีเงินมากไป เป็นเงินที่ไม่เคยเสียภาษีสักบาท

สารวัตรซัว “อยู่เป็น“ ถึงใช้ชื่อ “เป็นต่อ” รู้จักใช้ชีวิต อยู่เมืองนอกมากกว่าเมืองไทย ฝากเงินที่สิงคโปร์ เที่ยวอย่างหรูหรา โรงแรมที่ญี่ปุ่นชื่อ “Skye ที่เมือง Niseko” ค่าที่พักเพนท์เฮาส์ คืนละ 150,000 บาท นอนไป 1 อาทิตย์ ราคาร่วม 1 ล้านบาท สำหรับสารวัตรซัวจิ๊บๆ

อย่างนี้คนทำมาหากินสุจริต หรือเงินเดือนตำรวจที่ไหนจะจ่ายได้ แต่สารวัตรซัวบินสูง ทำตัวเป็นตำรวจเงียบ ๆ เฉพาะตอนอยู่เมืองไทย แต่อู้ฟู่ตอนบินรอบโลกพักหรูหราอยู่อย่างมหาเศรษฐี

คนอาจจะรู้ แต่ไม่มีใครพูด ปล่อยให้คนอย่างสารวัตรซัวเอาเปรียบสังคม ทำการพนัน เกมออนไลน์หลอกเอาเงิน แค่ลูกกระจ๊อกยังมีรายได้ 400,000-500,000 บาทต่อเดือน

ตัวเองเป็น “มาสเตอร์แฟรนไชส์” ของเกมสล๊อต และสารพัดเกมที่หลอกคนไทยเล่น ดูเหมือนจำนวนเงินน้อย แต่ไม่ต่างจากของโบราณ คือ ตู้ม้า ดูดเงินทีละ 2,000-3,000 บาท แต่คนเล่นเป็นแสนเป็นล้านคน เดือนๆ หนึ่งได้เท่าไหร่

แถมใครซื้อแฟรนไชส์ต้องพ่วงแพ็คเก็จติดโฆษณาเกมไปด้วย ใหญ่โตที่สุดในประเทศ นั่งรับเงินอยู่เมืองนอก ไม่ต้องทำอะไร เพราะมีลูกข่ายทำงานแทนเหมือนแชร์ลูกโซ่ เรียกว่า “เกมออนไลน์ลูกโซ่” มีเว็บต่าง ๆ เป็นพันเว็บที่ลงท้ายด้วย “Bet” และอื่น ๆ ล้วนของท่านสารวัตรซัวทั้งหมด ทำร่วมกับ ลุค หุ้นส่วนคู่ซี้

เด็กเส้นติดตามสารวัตรซัวอีกคนชื่อ “รูบี้” กอส. รุ่น 42 (ศิษย์เก่ารุ่นน้องโรงเรียนเดียวกัน) ที่แม้แต่ตำรวจกองปราบยังถอย เพราะไปเจอตอ และยังมีลูกข่ายอีกเป็นพัน ๆ คน ยังไม่นับรวม กอล์ฟ เต็น ตั้ว “แก๊งตำรวจ กอส. รุ่นพนันออนไลน์” อีก

ตอนนี้ผมแฉแล้ว กรุณาหาช่องทางจับสักที เพราะยังไงสารวัตรซัวก็คงไม่เดือดร้อน มีบ้านมีเงินฝากอยู่ลอนดอนหลายร้อยล้านปอนด์ กินหลายชาติก็ไม่หมด แต่ล้วนเอามาจากคนไทยตอนใส่เครื่องแบบตำรวจทั้งนั้น ปล่อยให้คนอย่างสารวัตรซัว เกิดขึ้นจนยิ่งใหญ่ มีเงินมากมายจากการหลอกลวงคนไทย ไม่ได้เสียภาษีอะไรให้ประเทศสักบาทเดียว

แถมสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังจ่ายเงินเดือนจากภาษีประชาชนกลับไปให้สารวัตรซัวมานานเป็นสิบปี โดยไม่ได้ทำอะไรเลย มันน่าเจ็บใจแท้ ๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง