วันนี้ (25 ม.ค.2566) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (15–21 ม.ค.) รายงานผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 627 คน เฉลี่ยวันละ 90 คน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 277 คน ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 178 คน ผู้เสียชีวิต 44 ราย เฉลี่ยวันละ 6 คน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนร้อยละ 32.3 โดย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2566 มีผู้หายป่วย สะสม 2,593 คน เสียชีวิต สะสม 167 คน
นพ.ธเรศ กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อชาวต่างชาติทุกสัญชาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8-21 ม.ค.นี้ พบผู้ติดเชื้อ 8 คน โดยมีอาการต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพียง 1 คน ที่เหลือส่วนใหญ่ไม่มีอาการ
สัญชาติที่ตรวจพบเชื้อ อันดับ 1 คือ จีน 3 คน เมียนมา กัมพูชา ญี่ปุ่น อังกฤษและเกาหลีใต้ อย่างละ 1 คน อัตราการพบผลบวกต่อโรคโควิด ลดลงสัปดาห์ที่ 3 พบเพียงร้อยละ 0.5
พบ BA.2.75 ในไทย 86%
ขณะที่ข้อมูลจากการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ในประเทศไทย โดยกรมวิทยา ศาสตร์การแพทย์ พบสายพันธุ์โอมิครอน BA.2.75 ร้อยละ 86 ที่เหลือเป็นสายพันธุ์อื่นที่เคยพบในต่างประเทศ
นอกจากนี้จากการเฝ้าระวังในกลุ่มผู้ที่ต้องเดินทางไปประเทศที่กำหนดให้ตรวจ RT-PCR เป็นลบก่อนขึ้นเครื่องนั้น ห้องปฏิบัติการต่างๆ ได้รายงานข้อมูลการติดเชื้อโควิด-19 เข้าระบบโคแล็บ พบติดเชื้อประมาณ 300-400 คนมีทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยพบผลบวกในนักท่องเที่ยวชาวจีนเพียง 10 กว่าคน หรือร้อยละ 4 ของผู้เดินทางสัญชาติเดียวกัน
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทย ได้มีมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยไม่ต้องกักตัวหรือมีผลตรวจโควิด-19 และหลายประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรป ก็ใช้มาตรการเปิดประเทศแบบไม่ต้องกักตัวเช่นกัน
ส่วนบางประเทศ มีมาตรการแตกต่างออกไป เช่น นักท่องเที่ยวต้องได้รับวัคซีนครบ 2 โดส อย่างน้อย 14 วัน ภายในระยะเวลาไม่เกิน 180-270 วัน หรือผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 และรักษาหายดีแล้ว หลักฐานการตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชม. ก่อนเดินทาง หรือมีผลการทดสอบ Rapid Antigen Test ไม่เกิน 24 ชม. ก่อนเดินทาง