วัดแจ้งกับการส่องแสงด้วยสีสันของสไบ
ตามปกตินักท่องเที่ยวและวัดแจ้ง จะเป็นของคู่กันและมักจะอยู่ในแผนการท่องเที่ยว ทั้งกรุ๊ปทัวร์กลุ่มใหญ่ หรือ ท่องเที่ยวส่วนตัวกันเองอยู่แล้ว
แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นถูกพักไว้เพราะคำว่า “โควิด”
วัดอรุณ หรือวัดแจ้ง แทบจะกลายเป็นวัดร้าง ที่ไร้เงานักท่องเที่ยว ร้านรวงต่างๆ ข้างวัดต้องจำใจปิดกิจการเพราะไม่มีลูกค้า เงินทุนหมุนเวียนที่ร่อยหรอลงเรื่อยๆ ตลอดช่วง 3 ปีที่โควิด-19 ครองเมือง
จนกระทั่งการประกาศเปิดประเทศของไทยเมื่อ 1 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเข้ามามากขึ้น วัดแจ้งกลับมาคึกคักและมีสีสันไปตามสีของสไบชุดไทยอีกครั้ง
นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวเวียดนามที่เข้าชมความงามของ "พระปรางค์วัดอรุณ" ทั้งปรางค์ประธานและปรางค์รองอีก 4 องค์ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาเห็นภาพที่ดูเข้ากันมากของชุดไทยและปรางค์องค์ใหญ่ที่เป็นฉากหลังในโลกโซเชียล จนทำให้อยากมาวัดแจ้งและเช่าชุดไทย เพราะอยากมีรูปอัปโหลดลงในสื่อสังคมออนไลน์ของตัวเอง
นอกจากนั้นแล้ว หากเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวในประเทศไทยและราคาท่องเที่ยวในประเทศตัวเอง ชาวเวียดนามบอกว่าจะเสียเงินพอๆ กัน ไม่ต่างกันมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกเดินทางเที่ยวต่างประเทศดีกว่า
วัดพร้อม นักท่องเที่ยวพร้อม ร้านเช่าชุดก็พร้อม
หลังจากการบูรณะวัดแจ้งครั้งล่าสุดเสร็จสิ้นตั้งแต่ พ.ศ.2560 และไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี พ.ศ.2565 ร้านเช่าชุดไทยที่อยู่ในชุมชนรอบวัดแจ้งจึงได้โอกาสกลับมาเปิดร้านอีกครั้ง
ร้านเก่าที่ต้องเปลี่ยนกิจการ ไปหารายได้ทางอื่นด้วยการขายอาหาร ขายน้ำ ก็ได้กลับมาเปิดร้านเช่าชุดเหมือนเดิม ส่วนร้านใหม่ที่เลือกมาทำธุรกิจนี้ ก็ถือว่าเปิดโอกาสเรียนรู้สิ่งใหม่และการปรับตัวต่อสถานการณ์ปัจจุบัน
ผู้ประกอบการร้านเช่าชุดไทย มองว่าธุรกิจเช่าชุดไทยนั้นยังไปต่อได้อีกนาน โดยเฉพาะชาวเอเชียที่ชื่นชอบการสวมใส่และรู้สึกสนุกกับชุดประจำชาติของไทยมาก
คนเวียดนาม จะชอบวิบๆ วับๆ เน้นเครื่องทรงเยอะๆ
ส่วนคนจีน จะชอบแต่งตัวแข่งกันเองกับเพื่อนๆ ถ้าเธอใส่ 3 ชิ้น ฉันต้องใส่ 4 ชิ้น
และทั้งหมดดูเป็นสีสัน ความสนุก ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแต่งกาย
เมื่อสอบถามกับทางนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นชาวเวียดนาม เกาหลีใต้ จีน ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า
เมื่อมาเที่ยวเมืองไทยและมีโอกาสใส่ชุดประจำชาติไทยก็อยากจะทำ
พร้อมเสมอ เมื่อเธอ (จีน) มา
ผู้ประกอบการทั้งร้านเช่าชุดไทย และร้านอาหารรอบวัดแจ้ง ต่างบอกว่าความเงียบเหงาของวัดนั้น เป็นไปตามจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่หายไป แม้ขณะนี้ความคึกคักจะเริ่มกลับมาเพราะชาวเวียดนาม จีนมาเลย์ และชาติอื่นๆ แต่พวกเขาก็ยังรอคอย "คนจีน" กลับมาเหมือนเดิม ส่วนหนึ่งเพราะกำลังจ่ายที่สูง และการตัดสินใจที่เร็ว
แม้การสื่อสารจะยาก เพราะคนจีนส่วนใหญ่ที่ผู้ประกอบการเจอ จะพูดภาษาอังกฤษได้น้อย แต่ก็ไม่ถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะพนักงานร้านต่างพยายามฝึกพูดภาษาจีน เท่าที่พอจะสื่อสารกันได้ง่ายๆ และเมื่อมีชาติอื่นๆ ที่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น ก็ต้องฝึกภาษาอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดของผู้ประกอบการในปัจจุบัน
นอกจากนั้นแล้ว เรื่องของโควิด-19 ผู้ประกอบการบอกว่าไม่กังวลมากนัก ส่วนตัวทำการป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด และคอยดูแลรักษาชุดและอุปกรณ์ให้สะอาด เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าคนถัดไปด้วย
โควิดก็ห่วงบ้าง แต่ห่วงเรื่องปากท้องมากกว่า
มัวแต่กลัวก็ไม่มีกิน
สายเดี่ยวไม่สุภาพ เปิดไหล่สุภาพกว่า?
ในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น แม้ความชื่นชอบในความสวยงามของชุดไทยจะมีเหมือนกัน แต่พฤติกรรมการแสดงออกนั้นแตกต่างกันออกไป
ชาวเอเชียนิยมที่จะสวมใส่ ในขณะที่ชาวตะวันตกเลือกที่จะยืนชมความสวยงามของชุดผ่านนักท่องเที่ยวเอเชียอีกที หรืออาจจะขอถ่ายรูปร่วมกัน เพื่อให้รู้สึกได้ใกล้ชิดกับชุดมากขึ้น
แต่ในอีกมุมมองที่นักท่องเที่ยวชาติตะวันตกสะท้อนผ่านคำถามที่ทางเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในวัดก็ตอบกลับไม่ได้คือ
ทำไมพวกเขาต้องใส่เสื้อคลุมไหล่ หรือหาผ้ามาคลุมไหล่
ในขณะที่ชุดไทยนั้น เปิดไหล่ให้เห็นเต็มๆ ทั้งข้าง
ประเด็นนี้เองก็เคยเป็นข้อถกเถียงภายในวัดอรุณราชวรารามมาแล้ว เนื่องจากมีหลายเสียงที่เห็นแย้งกับการใส่ชุดไทยเปิดไหล่เดินภายในวัด ด้วยเหตุผลว่าเดียวกับการห้ามประชาชน นักท่องเที่ยว เรื่องการใส่เสื้อสายเดี่ยว กางเกงขาสั้น ว่าเป็นการแต่งกายไม่สุภาพภายในวัด
แต่ในขณะที่เสียงอีกมุมหนึ่งก็ชี้แจงว่า ชุดห่มสไบเปิดไหล่เป็นชุดประจำชาติไทยที่มีมานานแล้ว จึงไม่เห็นว่าจะแปลกอะไรถ้าจะใส่ชุดไทยเข้าวัด และในปัจจุบันก็ถือว่าได้ช่วยเหลือปากท้องชุมชน และรักษาประเพณีไทย พร้อมกับประชาสัมพันธ์ชุดไทยให้โด่งดังไปทั่วโลก
ท้ายที่สุดแล้ว ทางวัดจึงได้ข้อตกลงที่ว่า อนุญาตให้ประชาชนแต่งชุดไทยเข้ามาภายในวัดได้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ใส่เสื้อสายเดี่ยว ก็ต้องหาเสื้อคลุมมาปิดเหมือนเดิมต่อไป ส่วนคนนักเที่ยวที่สงสัย เจ้าหน้าที่ภายในวัดก็ตอบเพียงแค่ว่า เป็นการแต่งกายที่ไม่สุภาพภายในวัด เพียงเท่านั้น