จากกรณีรถยนต์หรูยี่ห้อเบนท์ลีย์ ขับรถมาด้วยความเร็วบนทางพิเศษเฉลิมมหานคร บริเวณใกล้เคียงกับโรงเรียนนนทรี ย่านพระราม 3 จนทำให้ไปเสียหลักชนรถยนต์ป้ายแดง ทำให้ต้องเบรกกะทันหัน และรถอาสาสมัครดับเพลิงที่กำลังขับรถไปปฏิบัตินหน้าที่ดับเพลิงที่ซอยอุดมสุข 56 ตามมาเบรกไม่ทันจนเสียหลักชน ทำให้รถได้รับความเสียหายรวม 3 คัน เมื่อช่วง 00.30 น. วันที่ 8 ม.ค.2566
แม้เหตุการณ์นี้จะไม่มีผู้เสียชีวิต มีเพียงผู้โดยสารที่อยู่ในรถคู่กรณีได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนผู้ที่ขับรถชนพบว่าเป็นนักธุรกิจ หลังเกิดเหตุได้ลงมาจากทางด่วนแล้วขึ้นรถแท็กซี่ พร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่โดยสารมาด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่มาช่วยเหลือในที่เกิดเหตุได้ตามสกัดรถแท็กซี่คันดังกล่าวไว้ได้ ซึ่งผู้ที่พบตั้งข้อสังเกตว่า ชายคนนี้เมาแล้วขับรถหรือไม่ แต่ชายคนนี้ก็อ้างว่าไม่ได้เมา
พบขวดไวน์บนรถยนต์ของผู้ก่อเหตุ
เจ้าหน้าที่ได้นำรถยนต์ที่เกิดเหตุทั้ง 3 คัน มาเก็บไว้ที่สถานที่เก็บรถยนต์ของกลางในคดี โดยทั้ง 3 คัน มีสภาพความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะบริเวณด้านหน้ารถ ส่วนเบาะหลังของรถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ พบมีขวดไวน์อยู่ 1 ขวด มีรายงานว่าหลังจากเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวผู้ขับขี่ไปตรวจเลือดหาปริมาณสารเสพติด และปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายในเวลาประมาณ 05.00 น. ห่างจากเวลาเกิดเหตุประมาณ 5 ชั่วโมง
ตร.ยืนยันตรวจแอลกอฮอล์จากเลือดแม่นยำกว่าเป่า
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ยืนยันว่า พนักงานสอบสวนได้ส่งตัวผู้ก่อเหตุไปตรวจที่โรงพยาบาลในเวลาประมาณ 02.00 น. และพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา ขับรถเฉี่ยวชนผู้อื่นเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหายและมีผู้บาดเจ็บ
ขณะนี้ยังรอผลตรวจเลือด คาดว่าจะทราบผลพรุ่งนี้ (10 ม.ค.) ส่วนผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์นี้มี 8 คน ได้ให้ไปตรวจร่างกาย เพื่อนำใบรับรองแพทย์มาพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม หากมีผู้ใดได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมทั้งรอผลตรวจจากตำรวจพิสูจน์หลักฐานในเรื่องความเร็วของรถขณะขับขี่
ส่วนผู้ก่อเหตุ ยืนยันว่า ยินยอมตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่อ้างว่าได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกที่หน้าอก ทำให้ไม่สามารถเป่าเครื่องวัดได้ พนักงานสอบสวนจึงส่งไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจ
ผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บกระแทกที่หน้าอก การตรวจวัดเรื่องลมอาจจะไม่เสถียร ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณา ประกอบกับเขายินดีที่จะให้ตรวจเลือด
พล.ต.ต.จิรสันต์ สั่งการให้กองบังคับการตำรวจจราจร สอบสวนกรณีที่พบว่าผู้ก่อเหตุพยายามขึ้นรถแท็กซี่หลบหนีในระหว่างเกิดเหตุว่าเป็นจริงหรือไม่ หากหลบหนีก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม พร้อมยืนยันว่าคดีนี้มีความเสียหายมาก ตำรวจจึงต้องรอผลการตรวจสอบในหลายด้านเพื่อจะสามารถนำไปต่อสู้ในชั้นศาลได้
ขณะที่การเยียวยาผู้เสียหาย เบื้องต้นทนายความของผู้ก่อเหตุได้นัดผู้เสียหายทั้ง 2 คน เจรจาชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งผู้เสียหายได้พูดคุยกับผู้ก่อเหตุในเบื้องต้นแล้ว ยินยอมจะซื้อรถยนต์ให้ใหม่ โดยทั้งหมดจะเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ (9 ม.ค.) เวลา 19.00 น.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง เร่งสืบสวนอุบัติเหตุรถหรูบนทางด่วน