วันนี้ (28 ธ.ค.2565) เฮลิคอปเตอร์จู่โจมยิงปืนกลกว่า 100 นัด เพื่อสกัดโดรนเหนือน่านฟ้าของกรุงโซลและอีกหลายพื้นที่ทางตะวันตก หลังจากเกาหลีเหนือส่งโดรน 5 ลำ เข้าไปในน่านฟ้าเกาหลีใต้และจุดชนวนความตึงเครียดครั้งใหม่บนคาบสมุทรเกาหลี ปฏิบัติการของกองทัพเกาหลีใต้ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง แต่กลับไม่สามารถติดตามหรือยิงสกัดโดรนได้แม้แต่ลำเดียว

สนามบินอินชอนและสนามบินกิมโพ สั่งระงับเที่ยวบินพาณิชย์ 50 นาที เพื่อความปลอดภัยในการสัญจรทางอากาศ กองทัพเกาหลีใต้ได้ส่งเครื่องบินตรวจการณ์แบบมีคนขับและไร้คนขับ บินข้ามไปยังฝั่งเกาหลีเหนือเพื่อเป็นการตอบโต้

เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากคณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ระบุว่า โดรนมีขนาดเล็กมากจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการยิงสกัด นอกจากนี้ยังประกาศยกระดับขีดความสามารถของระบบป้องกันภัยทางอากาศ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุหรือเสียหน้าซ้ำรอย
ประธานาธิบดียูน ซอก-ยอล ประกาศเสริมหน่วยโดรนและพัฒนาโดรนล่องหน เพื่อสกัดกั้นการรุกล้ำของเกาหลีเหนือ พร้อมโจมตีมูน แจ-อิน อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ จากการดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับเกาหลีเหนือมากเกินไป

ก่อนหน้านี้เหตุการณ์รุกล้ำน่านฟ้าเกาหลีใต้ครั้งสุดท้าย เกิดขึ้นในปี 2017 หลังจากพบซากโดรนต้องสงสัยตกที่พรมแดนสองเกาหลี กองทัพเกาหลีใต้สันนิษฐานว่า โดรนลำนี้เป็นโดรนสอดแนม ที่ถูกส่งเข้ามาถ่ายภาพระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ โดรนลำดังกล่าวมีระยะห่างระหว่างปลายปีก 2 ข้าง ประมาณ 2 เมตรและใช้พลังงานจากแบตเตอรีในการขับเคลื่อน
การส่งโดรน 5 ลำ รุกล้ำน่านฟ้าเกาหลีใต้ในครั้งนี้ สร้างความกังวลใจต่อกลไกความมั่นคงของเกาหลีใต้เป็นอย่างมาก เนื่องจากโดรนอาจติดอาวุธเข้ามาโจมตีเป้าหมายได้ แม้ว่าจะมีขนาดเล็กและไม่ทันสมัยถึงขั้นสอดแนมเต็มรูปแบบก็ตาม
รายงานจากกลุ่มสังเกตการณ์ขององค์การสหประชาชาติเมื่อปี 2016 พบว่า เกาหลีเหนือมีโดรนกว่า 300 ลำ ส่วนประกอบในการผลิตโดรนของเกาหลีเหนือมาจากจีน สาธารณรัฐเช็ก ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ รวมทั้งสหรัฐฯ
ข้อมูลจาก The Korea Herald สื่อเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีเหนือเริ่มพัฒนาโดรนทางการทหารในช่วงทศวรรษ 1990 และนำเข้าโดรนหลายรุ่นมาจากต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับแต่งให้เหมาะสมกับเป้าหมายทางทหารโดยเฉพาะ ซึ่ง คิม จอง-อึน เคยตั้งเป้าในการพัฒนาโดรนลาดตระเวนรุ่นใหม่ เพื่อให้สามารถบินได้ในระยะ 500 กิโลเมตรในอนาคต การยกระดับศักยภาพและจัดตั้งหน่วยโดรนของเกาหลีใต้ คงยิ่งจุดชนวนความตึงเครียดของสองเกาหลีให้รุนแรงมากขึ้น