ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ชลน่าน"ชี้นายกฯปรับ ครม.ใหม่ ปูทางสู้ศึกเลือกตั้ง

การเมือง
1 ธ.ค. 65
13:15
171
Logo Thai PBS
"ชลน่าน"ชี้นายกฯปรับ ครม.ใหม่ ปูทางสู้ศึกเลือกตั้ง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ชลน่าน" ชี้ นายกฯ ปรับ ครม.ใหม่ปูทางสู้ศึกเลือกตั้ง มั่นใจ "เพื่อไทย" ปักธงแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน 77 จังหวัด

วันนี้ (1 ธ.ค.2565) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค เรื่องการประกาศเปิดการรณรงค์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย และการประชุมพรรควันที่ 6 ธ.ค.นี้

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ พรรคจัดจะประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2565 ชื่องาน "คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน" วัตถุประสงค์เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารทดแทนตำแหน่งที่ว่างลงและคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ว่างลง

พร้อมประกาศรณรงค์การเลือกตั้งและคิกออฟ 2566 พรรคเพื่อไทย โดยเชื่อมั่นมีการเลือกตั้งแน่นอน เพราะ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ชอบด้วยกฎหมายแล้ว รอเพียงการประกาศบังคับใช้เท่านั้น

นพ.ชลน่านยัง มั่นใจว่า จะปักธงลงทุกพื้นที่ทั้ง 77 จังหวัด และจะมีการแสดงวิสัยทัศน์ของพรรคเพื่อไทย โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร" ประธานที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมและมีส่วนร่วมของพรรคเพื่อไทย ที่สำคัญงานนี้จะได้แสดงให้เห็นว่าถ้าเพื่อไทยได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลเป็นฝ่ายบริหารให้ประชาชน ผลจากแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน

หากประชาชนต้องการเปลี่ยนประเทศ โดยจะเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และมองไป 4 ปีข้างหน้าวิสัยทัศน์ 2570 จะเป็นภาพใหม่ของประเทศไทยมีที่ความเปลี่ยนแปลง ภายใต้ความหวังความต้องการและผลสัมฤทธ์ของประชาชนภายใน 4 ปี โดยเชื่อว่าประเทศไทยจะเปลี่ยน ในแนวคิด "คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน

ขณะที่นายประเสริฐ กล่าวว่า นอกจากการคิกออฟและแสดงวิสัยทัศน์อนาคตประเทศ ยังมีวาระสำคัญ คือการตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคแทนกรรมการบริหารพรรคที่ลาออก รวมถึงการแก้ไขข้อบังคับพรรค หลังร่างกฎหมายลูกเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับผ่านการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การดำเนินการของพรรคสอดคล้องกับกฎหมาย

นอกจากนี้จะเปิดตัวผู้รับผิดชอบนโยบายด้วยต่างๆ ที่จะเป็นแกนหลักในการเลือกตั้ง เช่น มิสเตอร์เศรษฐกิจ, มิสเตอร์การศึกษา, มิสเตอร์แรงาน เพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง เพื่อไทยพร้อมเดินหน้าเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง และพร้อมเป็นแกนนำการจัดตั้งรัฐบาลในสมัยหน้า

นอกจากนี้ นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ใน 3 ตำแหน่งว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะมีการเรียกร้องจากพรรคร่วมรัฐบาลมาตลอด โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่สรรหาตัวรัฐมนตรีไว้เรียบร้อย

แต่ที่แปลกประหลาดใจคือ อีก 2 ตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่เป็นโควตาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตำแหน่งนี้ถือว่า นายกฯได้กำไรอย่างมากเพราะเป็นตำแหน่งที่ทำงานต้องมาทำงานเพื่อนายกฯ และมีความใกล้ชิดกับนายกฯ จึงต้องเป็นคนที่ไว้ใจ เพราะเป็นช่วงที่ใกล้จะมีการเลือกตั้ง

อย่าลืมว่านายกฯยังเหลืองบกลางอยู่ในมือถึง 500,000 ล้านบาท ผู้ที่จะมาทำงานและขับเคลื่อนเรื่องนี้จำเป็นจะต้องมีความไว้วางใจ จึงมองได้ว่า เป็นการตั้งขึ้นมาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง

ที่สำคัญ ทำให้มองได้ว่าสิ่งที่ปรากฏในขนาดนี้มีความเชื่อมโยงกับพรรครวมไทยสร้างชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะไปสังกัด ดังนั้นภาพการตั้งรัฐมนตรีใหม่นี้จึงเป็นการวางแนวทางการทำงานในพรรคการเมืองดังกล่าวเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง

ขณะที่ตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ก็เป็นโควตากลุ่มปากน้ำของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งทำให้มองได้เช่นเดียวกันว่าเป็นการต่างตอบแทน หลังมีข่าวว่ากลุ่มดังกล่าวเตรียมจะย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย

ถือว่าเป็นเทคนิคทางการเมือง เพื่อเป็นการมัดใจ ดังนั้น วัตถุประสงค์ของการแต่งตั้งรัฐมนตรีเพิ่มอีก 2 คนครั้งนี้จึงไม่น่าตอบโจทย์พี่น้องประชาชน ที่ต้องเข้าไปดูแลแก้ปัญหาเพื่อประชาชน

เมื่อถามว่า การให้ตำแหน่งรัฐมนตรีกับนายธนกร วังบุญคงชนะ เป็นการล่อใจ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เพื่อดึงไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่คิดได้ เป็นการมัดใจว่าใครอยู่ด้วยก็จะได้รับโอกาส เหมือนใครทำงานก็ได้รับปูนบำเหน็จ

เมื่อถามว่าเป็นการปรับเพื่ออยู่ยาวหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นายกฯอยากอยู่ยาวไม่ว่าปรับเล็กหรือใหญ่ แต่มีเงื่อนไขอื่นที่กำหนดว่า จะอยู่ยาวได้หรือไม่ หากจัดกระบวนทัพสู่การเลือกตั้งได้ ก็คงเข้าสู่โหมดการยุบสภาได้ เงื่อนไขคือการย้ายของ ส.ส.โดยเฉพาะหลังวันที่ 24 ธ.ค.นี้หาก ส.ส.ลาออกเป็นกลุ่มเป็นก้อน สภาฯ ก็ทำงานไม่ได้ จนอาจเป็นเงื่อนไขยุบสภา

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ตั้งข้อสังเกตว่า การปรับ ครม.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามบริหารให้ครบวาระจึงต้องการลดภาวะกดดันของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะมีการทวงถามจากพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด และระยะเวลาที่เหลืออยู่มีเพียง 3 เดือนกว่า คงทำอะไรไม่ได้มาก ทุกคนเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง