วันนี้ (7 พ.ย.2565) หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal รายงานอ้างแหล่งข่าวระบุว่า บริษัท เมตา ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก มีแผนปลดพนักงานครั้งใหญ่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพนักงานหลายพันคน
สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ผู้บริหารสูงสุดเคยกล่าวไว้ว่า รูปแบบการทำงานในปี 2023 จะเน้นการลงทุนในกลุ่มเล็กๆ ที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยทีมส่วนใหญ่ที่เหลือจะอยู่ในขนาดเท่าเดิมหรือถูกลดขนาดให้เล็กลง และคาดว่าในช่วงปลายปีหน้าบริษัท เมตา อาจมีขนาดเท่าเดิมหรือเล็กกว่าเดิมเล็กน้อย เมื่อเทียบกับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ บริษัท อัลติมีเตอร์ แคปิตอล แมเนจเมนท์ ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกให้ซักเกอร์เบิร์ก ระบุว่า บริษัทจำเป็นต้องลดขนาดองค์กรด้วยการปลดพนักงานและลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากนักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นในบริษัท เมตา ที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และยังหันไปให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมตาเวิร์ส ซึ่งซักเกอร์เบิร์กยอมรับว่าจะใช้เวลาประมาณ 10 ปีกว่าจะได้เห็นกำไร
"ทวิตเตอร์" เรียกพนักงานบางส่วนกลับไปทำงาน
ขณะที่สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัททวิตเตอร์ได้ติดต่อไปหาพนักงานหลายสิบคนให้กลับมาทำงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพนักงานมากกว่า 3,000 คนที่ถูกเลิกจ้าง เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าการเลิกจ้างเกิดจากความผิดพลาด รวมถึงพบว่าพนักงานกลุ่มนี้อาจมีความจำเป็นในการสร้างการใช้รูปแบบใหม่ ตามวิสัยทัศน์ของ "อีลอน มัสก์" เจ้าของทวิตเตอร์คนใหม่
ก่อนหน้านี้ มีพนักงานของทวิตเตอร์หลายคนทวีตข้อความระบุว่า ทีมงานที่รับผิดชอบด้านการสื่อสาร การคัดกรองข้อมูล งานด้านสิทธิมนุษยชนและการเรียนรู้ด้านจริยธรรมของระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นส่วนหนึ่งของพนักงานที่ถูกปลด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยูเอ็นวอน "อีลอน มัสก์" ให้ความสำคัญสิทธิมนุษยชน
"ทวิตเตอร์" เตรียมเก็บค่ายืนยันตัวตนจากผู้ใช้งานบางประเทศ
"อิลอน มัสก์" เก็บเดือนละ 300 บาทค่ายืนยันตัวตน Twitter Blue