เกิดเหตุโศกนาฏกรรมในประเทศอินเดีย หลังสะพานแขวนข้ามแม่น้ำพังถล่มลงมาในรัฐทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งล่าสุดตัวเลขผู้เสียชีวิตทะลุ 80 คนแล้ว ขณะเกิดเหตุ ผู้ประสบภัยพยายามเกาะสายเคเบิลและชิ้นส่วนของสะพานที่ขาดเอาไว้แน่น เพื่อไม่ให้ตกลงไปในแม่น้ำมักชูที่อยู่ด้านล่าง ในขณะที่บางส่วนพยายามปีนขึ้นไปเพื่อกลับเข้าฝั่งและอีกจำนวนหนึ่งกระโดดลงแม่น้ำเพื่อเอาชีวิตรอด
ความวุ่นวายนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (30 ต.ค.2565) ตามเวลาท้องถิ่น สะพานแขวนข้ามแม่น้ำ กว้าง 1.5 เมตร ยาว 233 เมตร และมีอายุเก่าแก่ราว 150 ปี ในเมืองโมรพี รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดีย พังถล่มลงมา
ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยอินเดียเร่งนำเรือยางเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยและนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งระดมกำลังชุดประดาน้ำเพื่อค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ล่าสุด มีรายงานพบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 81 คน บาดเจ็บอีกนับร้อย ขณะที่ในช่วงเกิดเหตุคาดว่า มีคนอยู่บริเวณสะพานราว 400 คน โดยในจำนวนนี้ มากกว่า 150 คน อยู่บนตัวสะพาน
สะพานแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยยุคอาณานิคม สร้างขึ้นระหว่างที่อังกฤษเข้าปกครองในอินเดียในศตวรรษที่ 19
แต่เหตุสลดนี้เกิดขึ้นเพียง 4 วันหลังสะพานแห่งนี้เพิ่งจะกลับมาเปิดให้ใช้งานอีกครั้งจากวันพุธ (26 ต.ค.2565) ที่ผ่านมา หลังจากก่อนหน้านี้ปิดซ่อมบำรุงนานกว่า 6 เดือน
ล่าสุดเจ้าหน้าที่อินเดียยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่ทางการท้องถิ่นระบุว่า สะพานถล่มเนื่องจากรับน้ำหนักฝูงชนไม่ไหว หลังจากผู้คนแห่มายังสะพานดังกล่าวเนื่องในเทศกาลดีวาลีของชาวฮินดู จนทำให้สะพานรับน้ำหนักมากเกินไป
ขณะที่ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนรัฐดังกล่าวเป็นเวลา 3 วัน สั่งให้ทางการระดมกำลังเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งแสดงความเสียใจต่อเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นและประกาศจะจ่ายค่าชดเชยให้ผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต
ในอินเดียเกิดอุบัติเหตุเหตุจากสิ่งก่อสร้างที่ได้รับการซ่อมบำรุงไม่ดีอยู่บ่อยครั้ง โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2559 เมื่อสะพานลอยถล่มใส่ถนนในเมืองทางตะวันออก ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 26 คนและบาดเจ็บร่วมร้อยคน