จากกรณีโซเชียลแชร์ข้อความว่า มีนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 อายุ 13 ปี ซึ่งเป็นนักกีฬาชมรมวิ่งของโรงเรียนแห่งหนึ่งในตัว อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ถูกครูชายสอนวิชาสุขศึกษาเรียกไปหาที่ห้องพักเพื่อให้นวด ก่อนหลอกให้ดื่มน้ำผสมอะไรบางอย่างจนสลบ พอตื่นขึ้นมาไม่ได้ใส่เสื้อผ้า คาดว่าจะถูกล่วงละเมิดทางเพศ หลังเกิดเหตุผู้ปกครองพาไปแจ้งความที่ สภ.กุฉินารายรณ์ แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
วันนี้ (24 ต.ค.2565) จากการสอบถามญาติ ซึ่งเป็นตาของเด็กหญิงวัย 13 ปี เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวของตนเองอยู่ที่ อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ ห่างจาก อ.กุฉินารายณ์ เพียง 20 กม. ซึ่งหลานสาวเพิ่งไปเรียนต่อชั้น ม.1 ในโรงเรียนตัวอำเภอกุฉินารายณ์ ปกติหลานจะเช่าหอพักตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนแห่งนี้ เพราะเป็นนักกีฬาวิ่ง และเข้าชมรมกีฬาของโรงเรียน จึงจำเป็นต้องนอนพักที่หอ เพราะซ้อมกีฬาในช่วงเย็น ทราบทีหลังว่าหอพักดังกล่าวห่างจากโรงเรียนประมาณ 2 กม. โดยเจ้าของคือครูชายที่สอนสุขศึกษาในโรงเรียน และยังเป็นครูที่ดูแลชมรมวิ่ง
ตาของเด็กหญิง กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อนของหลานสาวนำโทรศัพท์ของหลานโทรมาบอกกับที่บ้านว่า หลานถูกครูที่สอนสุขศึกษาและดูแลหอพักดังกล่าวล่วงละเมิดทางเพศ พร้อมขอให้มารับที่บ้านของเพื่อน ในระหว่างนั้นตนเองและแม่ของเด็กพยายามที่จะพูดคุยสอบถามหลานถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถคุยได้ เนื่องจากหลานมีความเครียด ร้องไห้เสียใจและยังไม่ยอมเล่าอะไร
ต่อมาจึงยอมเล่าให้ฟังว่า ถูกครูคนดังกล่าวได้เรียกให้ไปหาบอกว่าไปนวดให้หน่อย ต่อมาครูนำน้ำอะไรบางอย่างให้ดื่ม คาดว่าเป็นยาสลบ หรือยานอนหลับ ซึ่งแม่และญาติได้พาหลานไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ในวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแพทย์แจ้งว่าอวัยวะเพศและปากมดลูกมีร่องรอยฉีกขาด พร้อมให้ไปแจ้งความดำเนินคดี แต่ปัจจุบันคดียังไม่คืบหน้า หลังเกิดเหตุครูชายคนดังกล่าว พร้อมด้วยผู้อำนวยการโรงเรียนได้พยายามมาพูดคุยไกล่เกลี่ย แต่แม่และญาติไม่พร้อมที่จะคุย และต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือรายงานชี้แจงส่งให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ และได้รายงานให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาจ้างครูคนดังกล่าวแล้ว โดยตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป