เอกชนชี้ "เงินบาทอ่อน" ไม่กระทบแข่งขัน แนะรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น

วันนี้ (23 ก.ย.2565) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุว่า เงินบาทอ่อนค่ามาจากเงินทุนไหลออก หลังสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และความต่างของดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ดึงดูดให้เม็ดเงินจากประเทศต่างๆ ไหลเข้าสู่สหรัฐฯ ส่วนเงินบาทที่อ่อนค่ายังไม่กระทบความสามารถในการแข่งขัน เพราะประเทศคู่ค้าเงินอ่อนค่าเช่นกัน

แต่หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยอีก จะทำให้สกุลเงินประเทศต่างๆ อ่อนค่ามากขึ้น แม้เงินบาทที่อ่อนค่าจะส่งผลดีต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่ค่าเงินไม่มีเสถียรภาพ ทั้งนี้ค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

ประธานกรรมการหอการค้าไทย เชื่อว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้ง รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เพื่อควบคุมไม่ให้เงินบาทอ่อนค่าเกินไป ประชาชนและภาคเอกชนจึงต้องเตรียมรับมือกับดอกเบี้ยขาขึ้น โดยการบริหารความเสี่ยง

ขณะที่นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ยืนยันจะตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้จนถึงสิ้นปี 2565 พร้อมเตรียมแผนทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยในต้นปี 2566 แต่มีความเป็นห่วงผู้กู้ที่อยู่ในกลุ่มหนี้เสีย และอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งอาจเผชิญภาวะ "ผีซ้ำด้ามพลอย" เพราะเสี่ยงจะกลายเป็นหนี้เสียถาวร

ขณะเดียวกันประเมินว่า หนี้เสียทั้งระบบจะเพิ่มขึ้นสูงในไตรมาสแรกของปี 2566 แม้รัฐบาลปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำและเงินเดือน แต่ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นย่อมส่งกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้

ด้าน น.ส.กฤติกา บุญสร้าง ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ค่าเงินของไทยยังคงเกาะกลุ่มกับภูมิภาคเอเชีย โดยการประชุม กนง.วันที่ 28 ก.ย.นี้ มีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

อ่านข่าวอื่นๆ

เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีที่ 37.37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

"กรมธนารักษ์-วงษ์สยาม" เซ็นสัญญาสัมปทานท่อน้ำอีอีซี

กสทช. เตรียมสรุปควบรวม "ทรู-ดีแทค" 12 ต.ค.นี้