นับถอยหลังอีก 13 วัน จะรู้ผลศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำร้อง "วาระ 8 ปี" เส้นทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะได้ไปต่อ หรือสุดทางแล้ว และนอกจากเหตุเฉพาะตัวของ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ยังสะเทือนถึงเสถียรภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะในช่วงปลายเทอมอย่างนี้ด้วย
ในขณะที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ครบวาระ 8 ปี และมั่นใจว่าการเริ่มนับวาระ ไม่ได้เริ่มวันที่ 24 ส.ค.2557
ดังนั้นรัฐบาลที่เคยถูกเปรียบเป็น "เรือแป๊ะ-เรือเหล็ก" ลำนี้ ยังไงก็ไม่ล่ม ไม่จมน้ำไปไหน แต่ยังคงลอยลำ ฝ่าคลื่นลมไปถึงฝั่งได้ ซึ่งคือการครบเทอม
ตรงกันข้ามกับผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เจ้าของคำร้องขอตีความ วาระ 8 ปี ที่เชื่อว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงแล้ว
แต่ก็พร้อมยอมรับคำวินิจฉัย และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร การเมืองกำลังเดินไปสู่จุดเดือด ฉากทัศน์หนึ่งขอคำวินิจฉัยที่จะนำไปสู่การเลือกนายกฯ คนใหม่
ไม่ว่าจะมาจาก "ในหรือนอก" บัญชีพรรคการเมือง จะนำไปสู่จุดแตกหักของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ "พลังประชารัฐกับภูมิใจไทย"
อีกฉากทัศน์ หากคำวินิจฉัยรองรับให้อยู่ต่อ จะต่อในแบบที่เหลือวาระอีก 2 หรือ 4 ปี ก็ปฏิเสธเหตุลุกลามบานปลายทางการเมืองไม่ได้ และแรงกดดันจะทำให้การไปต่อของรัฐบาลหรือสภาฯ ชุดนี้ แค่ 3 เดือนเท่านั้น
ไม่ว่าคำวินิจฉัย "วาระ 8 ปี" จะออกหัวหรือก้อย ภารกิจสำคัญของรัฐบาลที่รออยู่ คือ การประชุมผู้นำเอเปก ที่ไทยต้องเป็นเจ้าภาพ และนั่นย่อมหมายถึง หน้าตา-ชื่อเสียงและเกียรติยศ ใช่แค่ฉากหนึ่งของรัฐบาลชุดนี้ แต่เป็นของคนไทยทั้งประเทศ ที่ต้องยั้งคิด เพื่อทบทวนและไตร่ตรอง ให้สกัดความร้อนแรง ที่อาจก่อตัวขึ้นเพียงเพราะเหตุจากการเมืองว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่หรือไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลรัฐธรรมนูญนัด 30 ก.ย. ชี้ปม 8 ปี นายกฯ
กลุ่มคนเสื้อแดงฯ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเร่งตัดสินปม 8 ปีนายกฯ