เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาทีมข่าวไทยพีบีเอส ข้ามไปฝั่งประเทศลาว เพื่อดูการสร้างเมืองใหม่ "คิงส์โรมัน" ที่พัฒนาเมืองจากธุรกิจกาสิโน พร้อมทั้งโอกาสพูดคุยกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หลังจากคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร เตรียมศึกษาเปิดกาสิโนแบบถูกกฎหมาย
บรรยากาศหลังเปิดด่านพรมแดนสบรวก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย.2565 มีคนไทยและคนลาว เดินทางข้ามพรมแดนวันละหลายร้อยคน ทั้งมาซื้อสินค้าและท่องเที่ยว รวมถึงคนไทยบางส่วนไปเล่นกาสิโน ที่คิงส์โรมัน ในประเทศลาว
บรรยากาศเมืองคิงส์โรมันปัจจุบัน เป็นกาสิโนขนาดใหญ่ ที่ตั้งในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ที่กลุ่มทุนต่างชาติสัมปทานจาก รัฐบาลลาวเป็นเวลา 99 ปี
คิงส์โรมันเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา แม้จะเผชิญกับสถานการณ์โควิด 19 บริเวณเมืองมีที่พัก โรงแรม สถานบันเทิงเกิดขึ้นมากมาย กลายเป็นชุมชนชาวจีนที่มาอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ปัจจุบันมีประชากรอาศัยประมาณ 1 แสนกว่าคน เป้าหมายประชากร 3 แสนคนในเร็วๆ นี้
คิงส์โรมันส์กาสิโนขนาดใหญ่อยู่ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
สภาพอาคารสิ่งปลูกสร้างอาคารที่พัก/โรงแรม ในคิงส์โรมัน สปป.ลาว
นายสมรัตน์ โกฎิยี่ ผู้ใหญ่บ้านสบรวก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กล่าวว่า การเติบโตของคิงส์โรมันอย่างรวดเร็ว ด้วยเม็ดเงินจากทุนธุรกิจกาสิโน ส่งผลดีกับการค้าและการท่องเที่ยว แต่ปฎิเสธไม่ได้ถึงผลกระทบที่ตามมาที่ผ่านมามีคนในหมู่บ้านไปเล่น จากที่เคยมีเงินตอนนี้กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว
คนทั่วไปเดินทางมาจากต่างจังหวัด ผมเป็นผู้ประกอบการเดินเรือ ขาไปแต่งตัวสวยหรู ขากลับมาไม่มีค่ารถกลับอาศัยท่าเรือก็มี และมีบ่อยครั้งด้วย
คิงส์โรมันตั้งแต่ก่อนโควิด เดือดร้อนทั้งตำบลตอนกลางคืน เปิดเพลงดัง ตี 2 ตี 3 เหมือนดังหัวที่นอน เป็นผลกระทบทางเสียงอย่างมาก
ด้าน ดร.ณัฐกร วิทิตานนท์ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ นักวิชาการที่ศึกษากาสิโนชายแดน มองว่า การเปิดกาสิโนในไทยฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องกำหนดพื้นที่ให้ชัดเจน และที่สำคัญต้องฟังความเห็นจากภาคประชาชนอย่างรอบด้าน
ผมคิดว่าต้องมาคุยกันว่า พร้อมหรือไม่ ต้องพูดถึงสถานที่ การเข้าถึงระบบขนส่งมวลชน การมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่นั้นที่จะไปตั้งอยู่เขาจะได้ประโยชน์อะไร
ภาครัฐต้องมีความชัดเจน ยกตัวอย่างญี่ปุ่น กำลังจะมีกาสิโน ออกใบอนุญาตทั้งประเทศ 3 ใบ แต่กฎหมายกว่าจะออกได้ผ่านมาหลายปี กฎหมายมีกระบวนการมีส่วนร่วมล่างขึ้นบน คือให้เมืองแต่ละเมือง จังหวัดแต่ละจังหวัดไปประชาคมคุยกันว่าจะก่อสร้างหรือไม่ รวมถึงประโยชน์เมื่อก่อสร้างคนในเมืองจะได้อะไร
ดร.ณัฐกร วิทิตานนท์ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มรภ.เชียงใหม่
ดร.ณัฐกร ยังฝากถึงกรรมาธิการฯ ที่ศึกษาว่า ถ้าเมื่อ 10-20 ปีก่อน ตนสนับสนุน เพราะเป็นช่วงขาขึ้นของธุรกิจกาสิโนในโลก ตัดสินใจหลังสถานการณ์โควิดจะคุ้มกับสิ่งที่เสียไปหรือไม่
หากเกิดกาสิโนแต่ไม่เกิดการจ้างงาน ไม่เกิดดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ สร้างรายได้อย่างที่คาดหวัง ต้องคิดให้หนักว่าคุ้มค่ากับที่เราต้องเสียไหม เพราะปัจจุบันการพนันออนไลน์กำลังเติบโต
ด้านนายเศวตยนต์ ศรีสมุทร รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ตนเห็นด้วยหากสร้างเป็นสถานบันเทิงแบบครบวงจร หรือ Entertainment Complex แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่สามารถควบคุมได้
เห็นด้วย หากจะมีการก่อสร้าง จะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้กับพื้นที่ รอบประเทศเราตอนนี้มีบ่อน แทนที่จะนำเงินออกนอกประเทศ สามารถนำเงินจุดนี้มาพัฒนาประเทศ เช่น สิงคโปร์ ที่สามรถดึงดูเม็ดเงิน และการท่องเที่ยว
ปัจจุบันในอาเซียนมีกาสิโน 400 แห่ง ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ มีเพียง บรูไน อินโดนีเซีย และไทย ที่ไม่มีกาสิโนแบบถูกกฎหมาย วัตถุประสงค์การตั้งกาสิโนในอาเซียนหลักๆคือ ดูดเงินตราจากต่างประเทศ
และมีเพียง 2 ประเทศ ที่ยอมให้คนสัญชาติตัวเองเล่น โดยปราศจากเงื่อนไข คือ ฟิลิปปินส์ และติมอร์เลสเต ส่วนสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม ยอมให้คนในประเทศเล่นได้ แต่เต็มไปด้วยข้อจำกัด เช่น ศาสนา ฐานะทางเศรษฐกิจ เสียค่าใช้จ่ายเมื่อเข้า
สำหรับในไทย คณะกรรมาธิการฯ เตรียมสรุปรายงานผลการศึกษาส่งให้รัฐบาลพิจารณา เปิดสถานบันเทิงครบวงจรในแต่ละภาคของประเทศรวม 5 แห่ง ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
โดยสถานที่ตั้งกาสิโน มีด้วยกัน 5 แห่ง ในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ จ.เชียงราย หรือเชียงใหม่ ภาคกลาง เมืองพัทยา ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ EEC ภาคใต้ จ.ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุบลราชธานี อุดรธานี และขอนแก่น ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทดลองเปิดในภาคละ 1 จังหวัด
คาดว่าจะเปิดให้เล่นการพนันทุกรูปแบบ ทั้งการพนันพื้นบ้าน และแบบสากล รวมทั้งพนันออนไลน์ กำหนดอายุผู้ให้เข้าต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป ส่วนบุคคลทั่วไปก็ต้องแสดงสถานะการเงิน ก่อนเข้าไปใช้บริการ ห้ามไม่ให้ข้าราชการเข้าไปใช้บริการ เว้นแต่มีใบอนุญาต