วันที่ 6 ก.ค.2565 นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC" ระบุว่า
โรคระบาดใหญ่ไวรัสโควิด-19 ผ่านมา 2 ปี กว่าแล้ว ยังไม่ทีท่าจะจบลง มีบางคนติดเชื้อหายแล้ว ติดเชื้อซ้ำอีก ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเชื้อไวรัสมีการกลายพันธุ์ เชื้อที่เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่สายพันธุ์อู่ฮั่นของประเทศจีน สายพันธุ์ G สายพันธุ์แอลฟา เดลตา และโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1, BA.2 ล่าสุด BA.4, BA.5 เชื้อสายพันธุ์ใหม่สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อตามธรรมชาติจากสายพันธุ์เดิม
นพ.มนูญ ยังยกตัวอย่างเคสผู้ป่วยหญิงอายุ 52 ปี ปกติแข็งแรงดี มีโรคประจำตัว ปวดข้อ และมีผื่น แต่ไม่รุนแรง สงสัยเป็นโรคภูมิแพ้ตนเอง SLE กินยาสเตียรอยด์ เพรดนิโซโลนขนาดต่ำ 5 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 เม.ย.2564 มีอาการแสบคอ ครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ ไอ เอกซเรย์สงสัยปอดอักเสบ ยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR SARS-CoV-2 ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์แล้วอาการดีขึ้น ซึ่งการติดเชื้อน่าจะเป็นสายพันธุ์เดลตา
หลังจากติดเชื้อครั้งแรก ผู้ป่วยได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ทั้งหมด 3 เข็ม ได้แก่ ซิโนแวค แอสตราเซเนกา และไฟเซอร์ เข็มสุดท้ายเดือน ม.ค.2565 ต่อมาหญิงคนดังกล่าวติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2565 มีอาการแสบคอ ปวดเมื่อยตัว ไม่มีไข้ ไม่ไอ ยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR SARS-CoV-2 ไม่ได้กินยาต้านไวรัส และหายเอง คาดว่าเป็นเชื้อไวรัสโควิด-19 โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2
ล่าสุดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งที่ 3 ช่วงต้นเดือน ก.ค.2565 มีอาการเจ็บคอ ปวดเมื่อยตัว มีน้ำมูกเล็กน้อย ไม่ไอ ไม่มีไข้ ยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR SARS-CoV-2 ไม่ได้กินยาต้านไวรัส อาการกำลังดีขึ้น คาดว่าเป็นเชื้อไวรัสโควิด-19 โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5
นพ.มนูญ ระบุว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นผู้ช่วยพยาบาลทำงานที่ห้องฉุกเฉิน ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ตลอดเวลา และเนื่องจากกินยาสเตียรอยด์ ภูมิคุ้มกันไม่ดีเหมือนคนทั่วไป ทำให้ติดเชื้อแล้วติดเชื้ออีกถึง 3 ครั้ง แม้จะได้รับวัคซีนครบโดสและเข็มกระตุ้นแล้วก็ตาม หลังจากหายครั้งนี้ ต้องให้วัคซีนเข็มกระตุ้นชนิด mRNA อีก 1 เข็ม