วันนี้ (6 ก.ค.2565) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ลงนามร่วมกับ นายเจมส์ ทีก ประธานบริษัท แอสตราเซเนกา (ประเทศไทย) จำกัด จัดหาแอนติบอดีสำเร็จรูป แบบ Long Acting Antibodies (LAAB) ป้องกันโควิด-19
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ลงนามจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดไวรัลเวกเตอร์ เพื่อเข้ามาสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่คนในประเทศ
อย่างไรก็ตามยังมีประชากรบางกลุ่มที่รับวัคซีนแล้ว ร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี หรือภูมิคุ้มกันตกลงอย่างรวดเร็ว ทำให้มีความเสี่ยงติดเชื้อแล้วป่วยอาการหนักและเสียชีวิตได้ ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ปลูกถ่ายอวัยวะ หรือปลูกถ่ายไขกระดูกและได้รับยากดภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่มีการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทุกวัน
ศบค.มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดหาแอนตีบอดีสำเร็จรูป แบบ Long Acting Antibodies (LAAB) มาใช้ในการดูแลกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว
สำหรับ LAAB เป็นแอนติบอดีที่ออกฤทธิ์ยาว มีส่วนประกอบ 2 ชนิด คือ Tixagemab 150 มิลลิกรัม และ Cilgavimab 150 มิลลิกรัม ผ่านการรับรองใช้แบบในภาวะฉุกเฉินที่สหรัฐอเมริกาและอังกฤษแล้ว
ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทยได้อนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินเช่นกัน เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2565 มีข้อบ่งใช้ในผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป มีน้ำหนักตัวไม่น้อยกว่า 40 กิโลกรัม โดยให้ก่อนการสัมผัสโรค ด้วยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 6 เดือน มีประสิทธิผลร้อยละ 83 ในการลดความเสี่ยงอาการรุนแรงของโควิด และจากการศึกษาพบว่ามีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์
นายอนุทิน กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้จะจัดหาแอนตีบอดีสำเร็จรูป หรือ LAAB เข้ามาจำนวนกว่า 257,500 โดส โดยไม่ต้องใช้งบประมาณในการจัดหาเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นการลงนามขอปรับสัญญากับบริษัทแอสตราเซนเนกา (ประเทศไทย) เพื่อเปลี่ยนวัคซีนบางส่วนมาเป็น LAAB ภายในกรอบวงเงินงบประมาณเดิมที่ ครม.อนุมัติ ซึ่งทำให้เรามีทั้งวัคซีนและแอนตีบอดีสำเร็จรูปมาดูแลประชาชนได้ครอบคลุมมากขึ้น