ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทนายอนันต์ชัย พา นศ.แจ้งความ กรณีแพทย์วินิจฉัยโรคผิดพลาด

อาชญากรรม
23 เม.ย. 65
12:14
2,403
Logo Thai PBS
ทนายอนันต์ชัย พา นศ.แจ้งความ กรณีแพทย์วินิจฉัยโรคผิดพลาด
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
นายอนันต์ชัย ทนายความ พา นศ.เข้าแจ้งความที่ สน.โชคชัย เพื่อร้องทุกข์เอาผิด แพทย์ 2 คน สังกัด รพ.ย่านลาดพร้าว หลังวินิจฉัยโรคผิดพลาด ระบุพบ ก้อนเนื้อและต้องผ่าตัดทันทีเมื่อผ่าตัดแล้วกลับไม่พบก้อนเนื้อตามที่ระบุ แต่ตัดซีสต์ในรังไข่-ไส้ติ่งออกไปแทน

วันนี้ (23 เม.ย.2565) นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พา น.ส.ปิยะดา ปิสายะโส นักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เพื่อให้ดำเนินคดีกับแพทย์ 2 คน สังกัดโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าวกรณีที่วินิจฉัยโรคผิด โดยเข้าแจ้งความ ในข้อหา “ร่วมกันกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส”

ผู้เสียหาย เล่าเหตุการณ์เกิดช่วง ธ.ค.2564 ก่อนไปโรงพยาบาล มีอาการปวดท้อง จึงเข้าไปตรวจหาสาเหตุที่โรงพยาบาลดังกล่าว ซึ่งได้รับการตรวจวินิจฉัยโรคจากแพทย์ 2 คน โดยวินิจฉัยโรค ระบุว่า มีก้อนเนื้อจำนวน 3 ก้อนในลำไส้เล็ก และมีแนวโน้มว่าจะเป็นเนื้อร้ายจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยวิธีการผ่าตัดด่วน ทำให้พ่อ แม่ ของ นศ.คนดังกล่าวรีบตัดสินใจให้ดำเนินการผ่าตัด เพราะกลัวจะเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต

แต่เมื่อผ่าตัดแล้วกลับไม่พบก้อนเนื้อตามผลวินิจฉัยโรคที่แจ้ง อีกทั้งแพทย์ยังได้ผ่าตัดเอารังไข่ที่มีซีสต์ออกไป ซึ่งอยู่คนละตำแหน่งกับลำไส้เล็ก และผ่าตัดเอาไส้ติ่งออกโดยไม่ได้รับความยินยอม เป็นเหตุให้ผู้เสียหายต้องบาดเจ็บทนทุกข์ทรมานจากการผ่าตัด

ด้านทนายอนันต์ชัย เพิ่มเติมว่า นอกจากการการกระทำไปโดยไม่ได้รับความยินยอมแล้ว ยังเกิดผลเสียกับผู้เสียหาย เพราะไส้ติ่งเป็นอวัยวะมีหน้าที่ปกป้องเชื้อจุลินทรีย์ในช่องท้อง ซึ่งจุลินทรีย์จะช่วยในระบบการย่อยอาหาร และยังทำหน้าที่กระตุ้นระบบย่อยอาหารให้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในกรณีที่ติดเชื้อโรคอหิวาต์

นอกจากผลที่กระทบต่อสุขภาพ บาดเจ็บจากการผ่าตัด และเกิดบาดแผล แผลเป็น จากร่องรอยการผ่าเปิดหน้าท้อง ยังสูญเสียค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดที่ไม่จำเป็น ซึ่งจ่ายไปในราคา 334,199 บาท ซึ่งภายหลังการผ่าตัด ทางผู้เสียหายได้พยายามสอบถามแพทย์ทั้ง 2 คนและโรงพยาบาลถึงความผิดพลาดคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นแต่ไม่ได้รับการชี้แจง

นายอนันต์ชัย ระบุว่า การกระทำของแพทย์ทั้ง 2 คน ถือว่าเป็นการตรวจวินิจฉัยโรคผิดพลาดอย่างร้ายแรง และได้ร่วมกันผ่าตัดโดยประมาท เป็นเหตุให้ น.ส.ปิยะดา ได้รับอันตรายสาหัสสูญเสียอวัยวะสำคัญและบาดเจ็บเกิน 20 วัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ประกอบมาตรา 83 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขอให้ทางพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ดำเนินคดีกับแพทย์และโรงพยาบาลดังกล่าวเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้เสียหาย ไม่เกินอาทิตย์หน้าฟ้องแพ่งคดีผู้บริโภคเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี และร้องแพทยสภา หากไม่มีการเจรจาเกิดขึ้นตนจะดูที่เจตนา

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง