วันนี้ (5 ม.ค.2565) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากการคาดการณ์ของดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สถานการณ์ COVID-19 ขณะนี้ก้าวเข้าสู่ระลอกที่ 5 โดยมาเร็วกว่าคาดการณ์ไว้ และกราฟการติดเชื้อกำลังตั้งชัน
วันนี้แม้ผู้ป่วยติดเชื้อจะอยู่ที่ 3,899 คน แต่ตัวเลขติดเชื้อจากการตรวจ ATK อีก 3,000 คน ซึ่งจะทำให้มีผู้ป่วยรวมกว่า 7,000 คน
สำหรับอาการของโอมิครอนรุนแรงน้อยกว่าเดลตา แต่แพร่ได้เร็วกว่า จากการรักษาผู้ติดโอมิครอนในไทย 100 คน พบครึ่งหนึ่งมีอาการอีกครึ่งหนึ่งไม่มีอาการ นอกจากนี้อาการของผู้ติดเชื้อโอมิครอนยังแยกได้ยากกับโรคหวัด
เพราะในจำนวน 100 คนมี 7 คน เชื้อลงปอด แต่ไม่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และพบว่ามีอาการไอ 54% เจ็บคอ 37% มีไข้ 29% ปวดกล้ามเนื้อ 15% มีน้ำมูก 12% ปวดศีรษะ 10% หายใจลำบาก 5% ได้กลิ่นลดลง 2%
หากมีอาการคล้ายไข้หวัด ไอ เจ็บคอ ให้กันตัวเองออกจากที่ชุมชน อย่าเพิ่งไปร่วมกิจกรรม และให้ตรวจ ATK ซึ่งหลังจากนี้การตรวจวัดไข้ ก่อนเข้าสถานที่ต่างๆนั้นไม่ได้ผลแล้ว
นพ.สมศักดิ์ นอกจากนี้อยากขอให้สื่อช่วยสื่อสาร ทั้งในหน่วยงาน องค์กร ห้างสรรพสินค้า อาจต้องมีป้าย หรือระบบในการย้ำประชาชนที่เข้ามาใช้บริการว่าหากมีอาการคล้ายไข้หวัดให้สงสัย และรีบตรวจ ATK อย่าเพิ่งเข้าแหล่งชุมชน หรือพื้นที่สาธารณะ
อ่านข่าวเพิ่ม "โอมิครอน" สะสม 2,338 คน พบ กทม.-ชลบุรี-ภูเก็ต ติดเชื้อในจว.
ตรวจ ATK ติดเชื้อติดต่อสายด่วน 1330
นพ.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการสำรวจอัตราการครองเตียงรองรับได้ 50,000 เตียง เฉพาะกทม. และ ปริมณฑล มีเตียงว่าง 25,000 เตียง ซึ่งหากเป็นไปตามการจำลองฉากทัศน์ การติดเชื้อจะสูงสุดที่ 30,000 คน จะมีเตียงเพียงพอสำหรับการรับมือ
รวมทั้งแนวทางการดูแลผู้ติดเชื้อจะเน้นไปที่ระบบการรักษาที่บ้าน (Home Isolation ) ระบบรักษาตัวในชุมชน (Community Isolation ) เป็นการรักษาด่านแรก หากอาการหนักจะส่งต่อเข้าโรงพยาบาล
หากผลตรวจ ATK เป็นบวกให้โทรสายด่วน 1330 สปสช.ภายใน 6 ชั่วโมงจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ ประเมินอาการเบื้องต้น ถ้าอาการไม่หนักจะเข้าสู่ระบบ HI หรือ CI หากอาการหนักให้โทร 1669 เพื่อรักษาในโรงพยาบาล
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง