วันนี้ (5 ม.ค.2565) สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ผู้จัดการฝ่ายบริหารจัดการเหตุการณ์ไม่ปกติขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า มีผลการศึกษาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ชี้ว่าโควิด-19 สายพันธุ์ "โอมิครอน" ติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน แตกต่างจากสายพันธุ์อื่นที่ติดเชื้อที่ปอด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบที่ร้ายแรง แม้จะถือเป็นเรื่องดี แต่เราจำเป็นต้องมีผลการศึกษาที่มากกว่านี้เพื่อพิสูจน์เรื่องดังกล่าว
พร้อมเตือนว่า การที่โอมิครอนแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็วจะทำให้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โอมิครอนจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในหลายพื้นที่ ซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบสาธารณสุขในประเทศที่ประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
นอกจากนี้ยังขอให้แยกส่วนระหว่างจำนวนผู้ติดเชื้อกับอัตราการเสียชีวิต เพราะแม้ว่าหลายประเทศจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงจนทำลายสถิติ แต่อัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตต่ำกว่าการระบาดก่อนหน้านี้
ส่วนเรื่องของวัคซีน แม้ว่าโอมิครอนจะหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันได้ แต่มีหลักฐานที่ระบุว่าการฉีดวัคซีนยังสามารถป้องกันโอมิครอนได้ เพราะวัคซีนจะไปกระตุ้นทีเซลล์ให้สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาอีกชั้น แม้แต่วัคซีนของจีนก็ใช้หลักการเดียวกัน ดังนั้นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่วัคซีน แต่อยู่ที่การฉีดวัคซีนและการเข้าถึงประชากรในกลุ่มเปราะบาง
รวมถึงคำถามว่า เราจำเป็นต้องมีวัคซีนเฉพาะสำหรับโอมิครอนหรือไม่ เรื่องนี้ผู้แทนขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะตอบได้ ซึ่งเรื่องนี้ทั่วโลกจำเป็นต้องร่วมมือกัน และไม่ปล่อยให้ผู้ผลิตวัคซีนตัดสินใจเรื่องนี้ตามลำพัง มิฉะนั้นอาจจะมีไวรัสกลายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดได้เร็วกว่าเดิมและหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าเดิม พร้อมย้ำวิธีการที่ดีที่สุดในการลดความรุนแรงจากไวรัสกลายพันธุ์ คือการที่ทุกประเทศฉีดวัคซีนให้ได้ร้อยละ 70 ของประชากรทั้งประเทศภายในเดือน ก.ค.นี้
อ่านข่าวอื่นๆ
วิจัยเดนมาร์กชี้ "โอมิครอน" หลบภูมิวัคซีนดีกว่า "เดลตา"
มากที่สุดในโลก! สหรัฐฯ พบติดโควิดวันเดียวมากกว่า 1 ล้านคน
อิสราเอลพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 และไข้หวัดคนแรกของประเทศ