วันนี้ (4 ม.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ อาคารบี พบว่ายังมีพนักงานและประชาชนเข้ามาติดต่อราชการ โดยเฉพาะสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แต่มีมาตรการคัดกรองบุคคลที่จะเข้าไปในอาคารอย่างเข้มข้น ทั้งการตรวจประวัติคัดกรอง หากเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงตามที่ ศบค.ประกาศ จะต้องตรวจหาเชื้อด้วยการสวอปก่อนเข้าอาคาร
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ บอกว่า ยังจำเป็นต้องเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ แต่พบว่าจนถึงเวลา 15.00 น. มีผู้เข้ามาติดต่อประมาณ 600 คน จากปกติวันละ 2,000 คน และสังเกตได้ว่าปริมาณรถยนต์ที่จอดหน้าศูนย์ราชการมีจำนวนน้อยกว่าปกติ
ขณะที่นายสราวุธ จิรพิศาลกุล พนักงานรัฐวิสาหกิจ กล่าวว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องทำงานที่บ้าน แต่ทำมาก่อนที่โควิด-19 จะระบาดหนัก ซึ่งขณะนั้นบริษัทอนุมัติให้ทำงานได้โดยผ่านผู้บังคับบัญชา แต่ขณะนี้การทำงานที่บ้านกลายเป็นนโยบายหลัก ซึ่งบริษัทในกลุ่มมีการปรับสัดส่วนการทำงานที่บ้าน ตั้งแต่ร้อยละ 25 ถึงร้อยละ 100
นอกจากนี้ยังเห็นว่ามาตรการนี้มีความจำเป็น เพื่อลดการแพร่ระบาด หลังจากประชาชนเดินทางเป็นจำนวนมากในช่วงปีใหม่ แต่ทั้งนี้มาตรการทำงานที่บ้านขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละบริษัท ระบบหลังบ้านที่จะรองรับ ลักษณะงาน ทัศนคติของพนักงานและผู้บริหารด้วย
การทำงานจากบ้านมีทั้งผลดีและผลเสียกับอาชีพด้านบริการ กรณีแม่ค้าขายอาหารสดบางแห่งที่มีลูกค้าเพิ่มขึ้น เพราะลูกค้าซื้ออาหารสดไปทำกับข้าวเองมากขึ้น แต่ทำให้จักรยานยนต์รับจ้างขาดรายได้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัท ไม่มาใช้บริการ
สำหรับธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรการนี้ได้ ซึ่งนายเกรียงไกร เธียรนุกุล เห็นด้วยกับการขอความร่วมมือจากรัฐบาล เพื่อสกัดการระบาด โดยมองว่าในอนาคตการทำงานที่บ้าน หรือที่ใดก็ได้ จะเป็นการปฏิบัติงานตามปกติของภาคธุรกิจ และช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบริหารสำนักงานได้มาก ขณะเดียวกันต้องปิดจุดเสี่ยงของการบริหารจัดการ เช่น การบังคับให้เปิดหน้าจอทุกคนในระหว่างประชุม
อ่านข่าวอื่นๆ
สธ.ห่วงคลัสเตอร์ "ร้านอาหารกึ่งผับ" แพร่โควิดเร็ว
"เชียงใหม่" ให้ ขรก.WFH วันที่ 4 - 14 ม.ค. คุมโควิดหลังปีใหม่
สธ.เผยยอดติดโอมิครอน 2,062 คน ใน 54 จังหวัด - ส่วนมากหายแล้ว