วันนี้ (31 ธ.ค.2564) ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โพสต์เฟซบุ๊ก Opass Putcharoen ถึงผลการตรวจอุจจาระของผู้ป่วยท้องเสียที่ จ.จันทบุรี ว่าศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก ตรวจอุจจาระของคนที่มีอาการท้องเสียระบาดใหญ่ที่จันทบุรี ผลเป็น Norovirus Genogroup II จำนวน 6 คน จาก 8 คน
อ่านข่าวเพิ่ม : สสจ.ชี้แจงปมโซเชียลร้อง "ชาวจันทบุรี" ท้องเสีย
อาการคลื่นไส้อาเจียนจะเด่น ท้องเสียจะเกิดขึ้นเร็ว รุนแรงในบางราย หายเองภายในประมาณสองวัน ผู้สูงอายุอาจจะมีอาการมากและรุนแรง โรคนี้ติดต่อง่าย จำนวนเชื้อน้อย ๆ ก็ทำให้เกิดอาการท้องเสียที่รุนแรงได้ ติดทางการกิน สัมผัส เชื้ออาจจะอยู่ตามสิ่งแวดล้อม
แนะนำล้างมือด้วยสบู่ เชื้อฟุ้งกระจายในอากาศได้ แอลกอฮอล์ไม่สามารถทำลายเชื้อได้ ใครกลับบ้านช่วงปีใหม่แถวนั้นก็ระวังเรื่องอาหารการกิน ล้างมือด้วยน้ำสบู่ (ดีกับทั้งโรคท้องเสียกับโควิด)
รู้จัก "โนโรไวรัส"
กรมควบคุมโรค ระบุว่า โนโรไวรัส (Norovirus ) เป็นไวรัสชนิดหนึ่ง ที่เป็นสาเหตุของโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ไวรัสชนิดนี้ไม่ใช่ไวรัสตัวใหม่ พบการระบาดเป็นระยะ ๆ ในช่วงฤดูหนาว ติดต่อกันได้โดยการกินอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงไม่สุก เช่น หอย ผักผลไม้สดที่ล้างไม่สะอาด รวมทั้งสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง สัมผัสกับสิ่งของที่มี เชื้ออยู่เช่น อาเจียน หรืออุจจาระของผู้ป่วย แล้วนำนิ้วเข้าปากโดยเฉพาะในเด็ก
จึงสามารถเกิดการระบาดได้ง่ายในกลุ่มเด็กตามโรงเรียน ส่วนผู้ใหญ่มักไม่แสดงอาการ บางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย เด็ก เล็กที่ภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ อาจมีอุจจาระร่วงเรื้อรังนานนับเดือน
เชื้อโนโรไวรัส ก่อให้เกิดการอักเสบที่กระเพาะอาหารหรือลำไส้ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง อาจมีไข้ต่ำ ๆ ปวดหัว ปวดเมื่อยตามร่างกายร่วมด้วย สามารถพบผู้ป่วยได้ทุกเพศทุกวัย มักจะมีอาการภายใน 12-48 ชั่วโมง หลังจากได้รับเชื้อไวรัส
ลักษณะอาการเด่น คือ ท้องเสียและอาเจียน โดยปกติผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นและหายได้เองภายใน 2-3 วัน แต่ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงโดยเฉพาะในเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ อาจก่อให้เกิดการขาดน้ำได้
ปัจจุบันยังไม่มียาเฉพาะในการกำจัดเชื้อไวรัสนี้ จะรักษาตามอาการ และยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส