วันนี้ (26 พ.ย.2564) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เปิดเผยว่า ขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายวัน ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ช่วง 2 สัปดาห์นี้อยู่ในระดับทรงตัว และมีโอกาสใกล้เส้นสีเขียว (ฉากทัศน์กรณีการระบาดค่า (R) ลดลงประมาณ 25% เทียบกับก่อนล็อกดาวน์ ทุกภาคส่วนร่วมมือกับ 4 มาตรการหลักต่อเนื่อง)
สำหรับการประชุม ศบค.ในวันนี้ มติขยายการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นครั้งที่ 15 อีก 2 เดือน (1 ธ.ค.2564-31 ม.ค.2565) เนื่องจากเหตุผลในการควบคุมโรค พร้อมปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ COVID-19 โดยปรับเป็นไม่มีจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จากเดิมมี 6 จังหวัด, พื้นที่ควบคุมสูงสุดเหลือ 23 จังหวัด, พื้นที่ควบคุม 23 จังหวัด, พื้นที่เฝ้าระวังสูง 24 จังหวัด, ไม่มีพื้นที่เฝ้าระวัง และพื้นที่สีฟ้า (นำร่องการท่องเที่ยว) เพิ่มเป็น 7 จังหวัด
นอกจากนี้ ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหะสถาน (เคอร์ฟิว) เนื่องจากขณะนี้ไม่มีพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
ส่วนการขอให้เปิดกิจการกิจกรรมสถานบันเทิงภายในเดือน ธ.ค.นี้ นั้น ที่ประชุม ศบค.ได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 และขอให้ดำเนินการตามแผนงานที่กำหนดไว้เดิม (16 ม.ค.2565) แต่จะดูความพร้อมเป็นระยะ หากสถานการณ์ดีขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และเคร่งครัดมาตรการส่วนบุคคล อาจเปิดให้บริการอีกครั้งได้เร็วขึ้น
ทั้งนี้ ให้เหตุผลว่าหากเปิดจะมีความเสี่ยงหลายประเด็น เช่น การถ่ายเทอากาศในผับ บาร์ คาราโอเกะ, พฤติกรรมส่วนบุคคล และระยะเวลาในการใช้สถานบินเทิงจะนานหลายชั่วโมง อีกทั้งเมื่อย้อนดูข้อมูลตั้งแต่ปี 2563 พบ 2 คลัสเตอร์ใหญ่ในสถานบันเทิง
ขณะที่นายกรัฐมนตรี มอบหมายกระทรวงแรงงานสำรวจผลกระทบผู้ประกอบการและผู้ที่ทำงานสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ เพื่อหาแนวทางเยียวยาต่อไป