วันนี้ (17 พ.ย.2564) พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์ COVID-19 ว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 6,524 คน ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,037,224 คน หายป่วย 7,191คน หายป่วยสะสม 1,925,643 คน ผู้ป่วยรักษาอยู่ 91,382 คน อาการหนัก 1,739 คน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 407 คน เสียชีวิต 56 คน เสียชีวิตสะสม 20,199 คน
จับตากทม.ตัวเลขขยับ 3 วันติด
พญ.สุมนี กล่าวว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดได้แก่ กทม.894 คน สงขลา 430 คน เชียงใหม่ 339 คน สมุทรปราการ 251 คน นครศรีธรรมราช 240 คน ชลบุรี 209 คน ปัตตานี 190 คน ยะลา 182 คน สุราษฎร์ธานี 162 คน ตรัง 153 คน
ถ้าดูรายงาน 3 วันพบตัวเลขกทม.ขยับขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งมาจากเคสย้อนหลัง แต่ตอนนี้ได้ให้มีการรายงานเข้ามาในระบบวันต่อวัน เพื่อนำข้อมูลมาวางแผนกำหนดมาตรการ โดยให้เสนอแผนต่อศบค.ชุดใหญ่
คลัสเตอร์ใหม่เพียบ เรือนจำ-สถานศึกษา
ส่วนคลัสเตอร์ใหม่ เช่น แคมป์ก่อสร้างใน จ.เชียงใหม่ กทม.และจันทบุรี คลัสเตอร์สถานศึกษา เช่น อุบลราชธานี เชียงใหม่ และชลบุรี ในงานทอดกฐิน งานศพ และคลัสเตอร์เรือนจำใน 7 จังหวัด มากสุดที่เชียงใหม่ 171 คน รองลงมานครศรีธรรมราช ศรีสะเกษ กทม. รวมทั้งยังพบการกระจายการติดเชื้อในสถานประกอบการ ตลาด เนื่องจากมีการกลับเข้าทำงานข้ามชาติ และมีปัญหาลักลอบของแรงงานจากชายแดนไทย ที่เข้ามาแล้วติดเชื้อ เช่นทางจ.จันทบุรี และอ.อุ้มผาง จ.ตาก
11 ล้านคนยังไม่ได้วัคซีนเข็มแรก
ขณะที่ตัวเลขการฉีดวัคซีนสะสมจำนวน 86,071,507 โดส เพิ่มขึ้น 659,381 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 45,700,036 โดส คิดเป็น 63.4% เข็ม 2 จำนวน 37,527,295 โดส คิดเป็น 52.1% และเข็ม 3 จำนวน 2,884,176 โดส คิดเป็น 3.9%เป้าหมายต้องครอบคลุมประชากรไม่น้อยกว่า 70%
สำรวจพบว่ายังมีคนไทยไม่รับวัคซีนอีก 11 ล้านคนจึงต้องขอความร่วมมือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนในพื้นที่ เร่งรัดการฉีดวัคซีนพื้นที่ต่างๆ มากขึ้นโดยเฉพาะจังหวัดที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะจากการพิจารณา 10 จังหวัด คือ ตาก ราชบุรี ขอนแก่น นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ขอให้รับมาฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น เพื่อลดเสี่ยงป่วย ไม่ให้มีอาการหนัก ลดโอกาสเสียชีวิต ค่าเฉลี่ยความครอบคลุมรับวัคซีนเข็มแรกของ 10 จังหวัดนี้อยู่ที่ 56.6% จึงขอให้มารับการฉีด ถึงแม้จะมีการระบาดหลักสิบหรือหลักร้อยต่อวัน
พบปัญหาการนำข้อมูลเข้าระบบไม่ครบ ผู้ที่มีประวัติการฉีดวัคซีนที่ไม่ถูกต้องให้แจ้งจุดบริการให้แก้ไขข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะถ้าต้องไปแสดงผลในสถานที่ต่างๆ เช่นขึ้นเครื่องบิน เดินทางข้ามพื้นที่จะได้นำมาแสดง จะไม่เสียโอกาส
เล็งบังคับไม่ฉีดวัคซีนเข้าพื้นที่สาธารณะไม่ได้
ด้านนพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกัน COVID-19 กล่าวว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาถึงการฉีดวัคซีน ให้ได้เป้าหมาย 100 ล้านโดส ภายในเดือนพ.ย.นี้ เช่น กระทรวงคมนาคม เสนอว่าใครฉีดวัคซีนแล้วจะมีส่วนลดค่าเดินทางให้ 20% หากได้รับการสนับสนุนจากเอกชน การจัดโปรโมชั่นจูงใจ เช่น เขตสุขภาพที่ 10 บางจังหวัดมีการจับรางวัล แจกพัดลม หรือของใช้ต่างๆส่วนนี้มอบเป็นนโยบายให้แต่ละพื้นที่พิจารณา ไม่ได้บังคับเนื่องจากจะเกี่ยวข้องกับงบประมาณของพื้นที่
ส่วนมาตรการบังคับ เช่น ต้องได้รับการตรวจว่าฉีดวัคซีนแล้ว ถึงจะเข้าที่สาธารณะได้ ที่ประชุมเห็นด้วย โดยกรมควบคุมโรคจะหารือรายละเอียด เพื่อเสนอต่อ ศบค.ชุดเล็กต่อไป