วันนี้ (12 พ.ย.2564) นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยหลังประชุม ศบค. โดยระบุว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการนำแรงงานข้ามชาติมาทำงานกับนายจ้างในประเทศ ภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยกระทรวงแรงงานจะเปิดให้มีการนำเข้าแรงงานตาม MOU ซึ่งแรงงานข้ามชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยต้องเข้ารับการกักตัว และตรวจหาเชื้อ COVID-19
สำหรับแรงงานต่างด้าวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ต้องกักตัว 7 วัน หากฉีด 1 เข็ม หรือยังไม่เคยรับวัคซีน จะต้องกักตัว 14 วัน ระหว่างกักตัวจะมีการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ด้วยวิธี RT–PCR 2 ครั้ง โดยให้นายจ้าง/สถานประกอบการ รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งประกอบด้วยค่าสถานที่กักกัน วันละ 500 – 1,000 บาท และค่าตรวจหาเชื้อ COVID-19 จำนวน 2 ครั้ง รวม 2,600 บาท
กรณีแรงงานข้ามชาติติดเชื้อ นายจ้างหรือบริษัทประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษา ซึ่งวันสุดท้ายของการกักตัวแรงงานข้ามชาติที่ยังรับวัคซีนไม่ครบเกณฑ์จะได้รับการฉีดวัคซีนโดยกระทรวงแรงงานเป็นผู้จัดหาให้ ในส่วนของเข็มที่ 2 กระทรวงแรงงานจะประสานสาธารณสุขจังหวัดปลายทางเพื่อนัดหมายฉีดวัคซีนให้แก่แรงงานข้ามชาติตามกำหนด โดยนายจ้างจ่ายแค่ค่าบริการทางการแพทย์
สรุปค่าใช้จ่ายนำเข้าแรงงาน
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า การนำแรงงานต่างด้าวมาทำงานกับนายจ้างในประเทศตาม MOU ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID–19 มีค่าใช้จ่ายรวมในการนำเข้าฯ ระหว่าง 11,490 – 22,040 บาทต่อคนต่างด้าว 1 คน ประกอบด้วยค่าตรวจ COVID-19 จำนวน 2 ครั้ง 2,600 บาท ตรวจลงตราวีซ่า (2 ปี) 2,000 บาท
ใบอนุญาตทำงาน (2 ปี) 1,900 บาท ตรวจสุขภาพ 6 โรค 500 บาท ค่าประกันสุภาพรวมโรคโควิด-19 (บริษัทประกันภัยเอกชน (4 เดือน)) 990 บาท ค่าบริการทางการแพทย์ (ฉีดวัคซีน) 50 บาท และค่าสถานที่กักตัว (วันละ 500 – 1,000 บาท) กักตัว 7 วัน 3,500/7,000 บาท และกักตัว 14 วัน 7,000 – 14,000 บาท
7 ขั้นตอน-เอกสารต้องเตรียมก่อนนำเข้าแรงงาน
1.นายจ้างยื่นแบบคำร้องกับสำนักงานจัดหางานในพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ พร้อมด้วยเอกสารและหลักฐาน โดยนายจ้างต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในการกักตัวแรงงานข้ามชาติ ได้แก่ ค่าสถานที่กักตัว ค่าตรวจโรค COVID-19 ค่าบริการทางการแพทย์ ค่ารักษาพยาบาลกรณีติดเชื้อโรค COVID-19 หรือซื้อประกันฯ ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
2.ประเทศต้นทางดำเนินการรับสมัคร คัดเลือก ทำสัญญา และจัดทำบัญชีรายชื่อคนงานต่างด้าว (Name List) ส่งให้กรมการจัดหางาน และกรมการจัดหางานส่งให้นายจ้าง
3.นายจ้างหรือผู้รับอนุญาตฯ ที่ได้รับบัญชีรายชื่อคนต่างด้าว (Name List) แล้วยื่นคำขอรับใบอนุญาตทำงานแทนแรงงานข้ามชาติ พร้อมด้วยเอกสารที่เกี่ยวข้อง
4.กรมการจัดหางานมีทำหนังสือถึงสถานทูตไทย ณ ประเทศต้นทางของคนต่างด้าวเพื่อพิจารณาออกวีซ่า (Non-Immigrant L-A) ให้แก่คนต่างด้าวตามบัญชีรายชื่อ และหนังสือแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่ออนุญาตให้คนต่างด้าวเดินทางเข้าประเทศผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองตามที่นายจ้างได้แจ้งไว้
5.เมื่อแรงงานข้ามชาติเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรต้องแสดงหนังสือยืนยันการอนุญาตให้เข้ามาทำงาน ผลตรวจ COVID-19 และหลักฐานการได้รับวัคซีน (ถ้ามี) สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะตรวจลงตราอนุญาตวีซ่า (Non-Immigrant L-A) เป็นระยะเวลา 2 ปี จากนั้นจึงเดินทางไปยังสถานที่กักตัว โดยยานพาหนะที่นายจ้างแจ้งไว้เท่านั้น และต้องเดินทางตามเส้นทางที่กำหนด ห้ามแวะสถานที่ใด ๆ ก่อนถึงสถานที่กักตัว
6.แรงงานข้ามชาติต้องเข้ารับตรวจสุขภาพ 6 โรค กักตัว และตรวจหาเชื้อ COVID-19 ด้วยวิธี RT - PCR ดังนี้
- แรงงานข้ามชาติที่ฉีดวัคซีนมาจากประเทศต้นทางครบแล้วเข้ารับการตรวจสุขภาพ 6 โรค หากตรวจผ่าน กักตัวอย่างน้อย 7 วัน และตรวจหาเชื้อ COVID- 19 จำนวน 2 ครั้ง
- แรงงานข้ามชาติที่ยังไม่ฉีดวัคซีนหรือฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังไม่ครบเข้ารับการตรวจสุขภาพ 6 โรค หากตรวจผ่าน กักตัวอย่างน้อย 14 วัน และตรวจหาเชื้อ COVID-19 จำนวน 2 ครั้ง โดยกระทรวงแรงงานจะสนับสนุนวัคซีนเพื่อดำเนินการฉีดให้แก่แรงงานข้ามชาติ ทั้งนี้ กรณีตรวจพบเชื้อ COVID-19 ให้เข้ารับการรักษา โดยนายจ้างหรือประกันสุขภาพที่นายจ้างซื้อไว้ให้เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษา
7.แรงงานข้ามชาติรับการอบรมผ่านระบบ Video Conference ณ สถานประกอบการ เมื่อผ่านการอบรมแล้ว แรงงานข้ามชาติรับใบอนุญาตทำงาน โดยการอนุญาตให้ทำงานจะเริ่มจากวันที่แรงงานข้ามชาติได้รับการตรวจลงตรา (วีซ่า) ให้เดินทางเข้ามาในประเทศ
