เกมคู่หยุดโลกในศึก "แดงเดือด" ครั้งที่ 208 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ลิเวอร์พูล ประตูแรกเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 5 เมื่อ ลิเวอร์พูล ได้โอกาสสวนกลับ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ จ่ายบอลให้ นาบิล เกอิต้า หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงผ่านตัว ดาบิด เด เกอา ให้ลิเวอร์พูล ขึ้นนำก่อน 1-0
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMh0vTjBwcoNBd9qsIVephBq5fBqO.jpg)
จากนั้นนาที 13 "หงส์แดง" บุกมาช็อกแฟนบอลเจ้าถิ่น ออกนำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะชาร์ตจ่อๆ ของ ดิโอโก้ โชต้า และกลายเป็น โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ กดแฮตทริก รัวยิงคนเดียว 3 ลูก ในนาที 38 , 45 และ 50 ช่วยให้ลิเวอร์พูล บุกมานำห่างถึง 5-0
ในนาที 60 สถานการณ์ของเจ้าถิ่นแย่ลงกว่าเดิมอีก เมื่อ ปอล ป็อกบา ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง เข้าบอลอันตรายจนทำให้ นาบิล เกอิต้า ถูกหามออกจากสนาม ผู้ตัดสินดูภาพช้าจาก VAR ก่อนเปลี่ยนคำตัดสินจากใบเหลืองเป็นใบแดง ไล่ ป็อกบา ออกไป
แม้ "ปีศาจแดง" จะเหลือ 10 คน แต่ไม่โดนยิงเพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงถิ่น 5-0 เก็บเพิ่มเป็น 21 คะแนน ขยับขึ้นไปรั้งรองจ่าฝูงอีกครั้ง มีแต้มตามหลัง เชลซี แค่คะแนนเดียว
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMh0vTjBwcoNBd9qt1KEwXF6ldlE5.jpg)
สำหรับ ซาลาห์ ที่ถูกยกย่องให้เป็นนักเตะที่มีผลงานโดดเด่นที่สุด ณ เวลานี้ ยิงให้ลิเวอร์พูล ได้ต่อเนื่องเป็นนัดที่ 10 ติดต่อกัน ในทุกรายการ และเป็นนักเตะคนแรกของลิเวอร์พูลที่ทำได้ แถมยังทำสถิติเป็นนักเตะคนแรก ที่ทำแฮตทริกใส่ "ปีศาจแดง" คาถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเกมพรีเมียร์ ลีก
แม้ฟอร์มซาลาห์ จะร้อนแรงขนาดนี้ แต่ยังมีสิ่งที่ร้อนกว่า นั่นคือ เก้าอี้ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ที่กำลังเจอแรงกดดันมหาศาลจนอาจตกงานเร็วๆ นี้ เพราะก่อนหน้านี้ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็เคยทำแมนยูแพ้ลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ แล้วถูกไล่ออกในวันรุ่งขึ้น
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMh0vTjBwcoNBd9qwJ9hpNPGZXlg6.jpg)
ส่วนบรรยากาศในโลกออนไลน์ แฮชแท็ก #แดงเดือด ก็ร้อนแรงไม่แพ้กันไต่ขึ้นอันดับ 1 ในเทรนด์ไทย ส่วนใหญ่ก็เป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล ฉลองชัยชนะ รวมถึงการเรียกร้องให้ปลด โซลชาร์ ออกจากเก้าอี้