วันนี้ (19 ต.ค.2564) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา "สหราชอาณาจักร" มีผู้ติดเชื้อใหม่ตกวันละ 35,000 - 40,000 คน โดยเมื่อวันที่ 18 ต.ค. สหราชอาณาจักรมีผู้ติดเชื้อ 48,000 คน สูงที่สุดในรอบ 3 เดือนนับตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา
นักวิทยาศาสตร์กังวลว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติตึงมากเกินไป เนื่องจากตามปกติระบบ NHS มักจะมีผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวอยู่แล้ว ผู้ติดเชื้อรายวันในเดือน ต.ค. เริ่มมีแนวโน้มจะไต่ระดับขึ้นไปใกล้เคียงกับผู้ติดเชื้อรายวันเมื่อปลายปี 2563
ทำเนียบนายกรัฐมนตรี เตือนว่า สหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับเดือนแห่งความท้าทายในฤดูหนาวปี 2564 ขณะที่ผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลยังมีไม่มาก ปัจจัยสำคัญมาจากการปูพรมฉีดวัคซีนทั่วประเทศ
ปัจจัยที่ทำ "สหราชอาณาจักร" พบติดเชื้อรายวันเพิ่ม
การปลดล็อกมาตรการควบคุมโควิด-19 เมื่อเดือน ก.ค. ส่งผลให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 เริ่มชะลอตัวลง เนื่องจากเด็กวัย 12-15 ปี รับวัคซีนโดสแรกไปเพียง 15 %
ปานรวี รุ่งสกุลโรจน์ คนไทยที่อยู่ในสหราชอาณาจักร ระบุว่า แนวโน้มผู้ติดเชื้อทำให้คนกลับมาระวังมากขึ้น
ตอนนี้รัฐบาลยังไม่มีแผนการอื่นๆ เพิ่มเติม เพราะตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นในระยะเวลาไม่นาน แต่ประชาชนบางส่วนเริ่มกังวล เนื่องจากสถานการณ์เข้าใกล้ฤดูหนาวในปีที่แล้วที่จำนวนต่อวันสูงถึง 60,000 คน ดังนั้นประชาชนบางส่วนก็เริ่มกลับมาใส่หน้ากากอนามัย
อีกหนึ่งปัจจัยที่กำลังถูกจับตามองอย่างมาก คือสัดส่วนของโควิด-19 กลายพันธุ์ สายพันธุ์ AY.4 ถือเป็นหนึ่งใน 45 สายพันธุ์ย่อยของสายพันธุ์เดลตา B.1.617.2 ที่พบครั้งแรกในอินเดีย
อดีตผู้อำนวยการสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ เรียกร้องให้ศึกษาวิจัยโควิด-19 สายพันธุ์ AY.4 โดยเร็ว เป้าหมายเพื่อตอบคำถามว่าสายพันธุ์นี้แพร่กระจายเชื้อไวและหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้บางส่วนจริงหรือไม่ ความกังวลที่เกิดขึ้นทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคน ส่งสัญญาณเตือนให้รัฐบาลกลับมาใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างเข้มงวดอีกครั้ง
ที่มา : BBC, Bloomberg, AFP, The Guardian
อ่านข่าวอื่นๆ
"เมลเบิร์น" เตรียมเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยว
5 ประเทศไหนบ้าง? ที่ "ประยุทธ์" บอกว่า "เสี่ยงต่ำ"
ห่วงประเทศร่ำรวยแย่งซื้อ "โมลนูพิราเวียร์" ซ้ำรอยปัญหาเหลื่อมล้ำ