บรรยากาศร้านอาหารปักธงสีเหลืองเต็มข้างทางคือสัญลักษณ์การกลับมาของเทศกาลกินเจ ประเพณีที่กำหนดเอาวันตามจันทรคติ คือเริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึงขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนทุก ๆ ปี รวม 9 วัน 9 คืน โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 6-14 ต.ค.2564
การกินเจ คือการถือศีลไม่กินของสดคาว แต่บริโภคอาหารประเภทผักที่ไม่มีของสดของคาวผสม ซึ่งมาจากรากศัพท์คำภาษาจีนที่ว่า "เจี่ยฉ่าย" หมายถึง การกินอาหารผัก อาหารที่มาจากพืชผักธรรมชาติไม่มีเนื้อสัตว์ปะปน และไม่ปรุงด้วยผักฉุน 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุ่ยช่าย ใบยาสูบ และงดเว้นน้ำนมสด นมข้นด้วย เพราะถือว่าเป็นของสดของคาว
3 วัตถุประสงค์กินเจ
1.กินเพื่อสุขภาพ อาหารเจเป็นอาหารประเภทชีวจิต เมื่อกินติดต่อกันไปช่วงเวลาหนึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่าง ๆ ออกจากร่างกายได้ ปรับระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหารให้มีเสถียรภาพ
2.กินด้วยจิตเมตตา เนื่องจากอาหารที่กินอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ กินเจจะช่วยลดการกินเลือดเนื้อของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งมีเลือดเนื้อ จิตใจและที่สำคัญมีความรักตัวกลัวตายเช่นเดียวกับคน
3.กินเพื่อเว้นกรรม การกินเนื้อสัตว์ แม้ว่าจะไม่ได้ลงมือฆ่าเอง แต่การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างฆ่าเพราะถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย การกินเจจะช่วยลดการสร้างกรรม และทำให้จิตใจไม่เห็นแก่ความอร่อยช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงแค่อาหารผ่านลิ้นเท่านั้น
6 ข้อปฏิบัติสำหรับการกินเจ
1. งดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ อันเป็นเหตุให้ไม่ต้องแสวงหาเนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายต่อชีวิตสัตว์ ไม่เบียดเบียนสัตว์ในทุกกรณีรวมทั้งน้ำนมและน้ำมัน ที่มาจากสัตว์อีกด้วย
2. รักษาศีลห้า
3. ทำบุญทำทานและสวดมนต์
4. รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์
5. แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายสีขาว
6. งดเว้นผักที่ให้กลิ่นแรงต่าง ๆ เช่น ผักชี กระเทียม หัวหอม ต้นหอม
8 ข้อ กินเจให้ถูกวิธี
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แนะนำวิธีการกินเจให้ถูกวิธี 8 ข้อ คือ
1.ต้องมั่นใจว่ารับประทานอาหารครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะหมู่โปรตีน ซึ่งโปรตีนที่จะมาทดแทนเนื้อสัตว์คือ โปรตีนที่ได้จากถั่วเมล็ดแห้ง ซึ่งปัจจุบันนี้มีการผลิตออกมาในรูปแบบของเต้าหู้แผ่น น้ำเต้าหู้ เต้าหู้ทอด รวมถึงโปรตีนเกษตรที่ปัจจุบันนี้ก็มีผู้นิยมบริโภคจำนวนมากเช่นกัน
2.ความสะอาด ส่วนมากคนกินเจมักนิยมซื้ออาหารเจตามร้านค้า ไม่ค่อยปรุงอาหารเอง ซึ่งก็เสี่ยงต่อเรื่องของความสะอาด ดังนั้นผู้ปรุงอาหารเจขายควรคำนึงเรื่องของความสะอาดให้มาก
แนะวิธีล้างผักง่าย ๆ นำผักสดที่ซื้อมาใส่ภาชนะ เติมเกลือประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ 2-5 นาที แล้วล้างด้วยน้ำเปล่าอีก 1 รอบ ก็จะช่วยล้างสารพิษออกจากผักได้ในระดับหนึ่ง ประมาณ 30-70%
3.หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ทั้งมันจัดกับเค็มจัด เพราะอาหารเจมักจะปรุงด้วยวิธีการผัด-ทอดในน้ำมัน หากเป็นไปได้ควรหันมาบริโภคอาหารประเภทต้ม ย่าง อบ ยำ เช่น ยำมะเขือยาว แกงจืดเต้าหู้แทน
ส่วนรสเค็มจัดนั้น ต้องอย่าลืมว่าการปรุงอาหารก็จะใช้ซอส ซีอิ๊ว เกลือแทนน้ำปลา ซึ่งเครื่องปรุงเหล่านี้มีปริมาณของโซเดียมสูง ซึ่งจะส่งผลให้ไตทำงานหนัก ปกติคนเราจะบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 mg./วัน
4.ควรเลือกกินผัก-ผลไม้สด มากกว่าผักดอง เพราะผักสดมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าผักดอง
5.อาหารเจประเภทที่ปรุงด้วยวิธีการเคี่ยวนาน ๆ อาจทำให้คุณค่าของสารอาหารสูญเสียไป เช่น ต้มจับฉ่าย ที่ต้องใช้เวลาเคี่ยวนาน ในส่วนนี้ต้องระวังเรื่องของคุณค่าอาหารจะหายไป
6.กินเจให้ได้ไอโอดีนอย่างเพียงพอ เพราะการกินเจไม่ได้กินอาหารทะเล ดังนั้นการกินอาหารเจก็ควรเติมเกลือไอโอดีนใส่ในการปรุงรสด้วยก็จะช่วยทดแทนได้
7.ควรบริโภคข้าวกล้องมากกว่าข้าวขาว เพราะมีวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีนมากกว่าข้าวขาว
8.งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม แล้วหันมาดื่มน้ำเปล่าบริสุทธิ์แทน
ข้อมูล
เทศกาลถือศีลกินเจ
8 ข้อหลักง่ายๆ กินเจให้ถูกวิธี