วันนี้ (27 ก.ย.2564) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. รายงานผลการประชุม ศบค. ว่า กระทรวงการต่างประเทศ แจ้งว่า ประเทศในสหภาพยุโรปมีวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่พร้อมขายต่อให้ไทย ดังนี้
- สเปน มีวัคซีนแอสตราเซเนกา จำนวน 165,000 โดส ราคาโดสละ 2.9 ยูโร และไฟเซอร์ จำนวน 2,788,110 โดส ราคาโดสละ 15.5 ยูโร
- ฮังการี มีวัคซีนแอสตราเซเนกา จำนวน 400,000 โดส ราคาโดสละ 1.78 ยูโร
ทั้งนี้ มีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้แก่ ค่าบรรจุภัณฑ์ และที่ควบคุมอุณหภูมิ ค่าขนส่งจาก Delivery point, ค่าขนส่งระหว่างประเทศ, ค่าขนส่งภายในประเทศไทย ค่าภาษีศุลกากรขาออก-ขาเข้า ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าประกันความเสียหาย โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว
นอกจากนี้ มีเป้าหมายและแผนจัดสรรวัคซีน COVID-19 เดือน ต.ต.-ธ.ค.2564 ซึ่งกรณีมีการจัดหาวัคซีนได้ครบตามเป้าหมาย จำนวน 126.2 ล้านโดส ประชากรไทย 70 ล้านคน จะได้รับวัคซีนทั้งหมด 62 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 90
เป้าหมายการฉีดวัคซีนภายในปี 2564
- ให้ความครอบคลุมของผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือน พ.ย.นี้ และอย่างน้อยร้อยละ 80 ภายในเดือน ธ.ค.นี้
- ให้ความครอบคลุมของผู้ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 อย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในเดือน ธ.ค.2564
- ให้ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็ม และผู้เคยติดเชื้อ COVID-19 ได้รับเข็มกระตุ้น 1 เข็ม โดยมีแผนการจัดสรรให้มีผู้ได้รับการกระตุ้นเดือนละ 1-2 ล้านโดส ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.2564
ขณะที่แผนการบริหารจัดการวัคซีนในปี 2565 จำนวน 120 ล้านโดส ได้แก่ วัคซีนแอสตราเซเนกา 60 ล้านโดส วัคซีนไฟเซอร์ 30-50 ล้านโดส และวัคซีนตัวอื่น ๆ 10-30 ล้านโดส
ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการเจรจา และจัดทำเงื่อนไขให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.2564 โดยการจัดสรรวัคซีนปี 2565 สำหรับกลุ่มเด็ก 3-11 ปี ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และเป็นเข็มกระตุ้น (เข็มที่ 3)