จากเหตุการณ์ชุมนุมคาร์ม็อบต่อเนื่องจนเกิดเหตุเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ ที่ยกระดับปฏิบัติการเข้าควบคุมสถานการณ์เมื่อวานนี้ (10 ส.ค.2564)
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ในฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผยว่า กิจกรรมคาร์ม็อบของผู้ชุมนุม ตั้งแต่บริเวณแยกราชประสงค์ เคลื่อนไปยังแยกอโศก หน้าตึกชิโนทัย บ้านพักของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า แยกดินแดง และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พบว่า ในแต่ละสถานีได้มีการทำลายทรัพย์สินของหน่วยงานทั้งเอกชนและราชการ
ส่วนเหตุเผชิญหน้ากับแนวตั้งรับของเจ้าหน้าที่บริเวณแยกดินแดงพบว่า กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามฝ่าแนวตั้งรับของตำรวจ ซึ่งตำรวจได้ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยกลับและเว้นระยะห่างออกจากแนว แต่พบว่า มีผู้ชุมนุมขว้างปาวัตถุสิ่งของต่าง ๆ ใส่แนวกำลังเจ้าหน้าที่ กระทั่งเกิดการตอบโต้กันระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนและฝ่ายผู้ชุมนุม
ขณะเดียวกันพบว่ามีการเผาวางเพลิงป้อมจราจรของ สน. ดินแดง จากนั้นเกิดการเผาป้อมตำรวจบริการประชาชนของ สน.พญาไท บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอีก 1 ป้อม เป็นเหตุให้ตำรวจต้องยกระดับมาตรการควบคุมฝูงชนตามยุทธิวิธี
รอง ผบช.น. ยืนยันว่า ผู้ที่ทำลายทรัพย์สินของทางราชการเสียหายและมีเจตนาทำร้ายเจ้าหน้าที่จะถูกติดตามตัวมาดำเนินคดีวางเพลิงเผาทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ และจะถูกแจ้งข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ, ทำร้ายพนักงานเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ระหว่างปฏิบัติหน้าที่มีตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และมีอีก 5 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างปฏิบัติหน้าที่
รอง ผบช.น. ยังระบุถึงคำสั่งศาลแพ่งด้วยว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในวันนี้ไม่ได้มีอุปสรรคจากคำสั่งของศาลแพ่งเรื่องให้ใช้ความระมัดระวังเกี่ยวกับกระสุนยางและแก๊สน้ำตา เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติ โดยใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นตามยุทธวิธีที่ได้รับการฝึกอบรมมา ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้วัตถุระเบิดพลุและประทัดยักษ์ รวมถึงอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ต่าง ๆ ขณะนี้ตำรวจพอทราบแหล่งผลิตและแหล่งเงินทุนของกลุ่มดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม