วันนี้ (19 ก.พ.2564) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงประเด็นคำถามที่ว่าข้าราชการปฏิบัติงานตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะได้ "เงินทวีคูณ" ยืนยันว่าไม่ได้ นั่นเป็นเพราะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของกระทรวงกลาโหม แต่ทำในนามของรัฐบาล ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ส่วนเรื่อง กสทช. ทั้งหมดยังอยู่ในกระบวนการทั้งสิ้น กำลังส่งเรื่องให้ป.ป.ช. พิจารณา ส่วนของการคัดสรรอยู่ในขั้นตอนอยู่ รอ พ.ร.บ. กสทช.ใหม่ มาบังคับใช้ต่อไป
ส่วนเรื่องราคาสินค้า ตนก็ได้หารือกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อแนวทางการดำเนินการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เพราะทุกอย่างมีกฎกติกาอยู่
ในเรื่องการขุดหลอกแหล่งน้ำโครงการเล็ก ๆ ต่าง ๆ ที่มีข้อมูลว่าทุจริต ยืนยันจะให้มีการดำเนินการตรวจสอบโดยเร็วที่สุด ทุกโครงการ หากพบทุจริตจะลงโทษตามกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องค่าใช้จ่ายและรายได้ของประเทศ ได้เตรียมการไว้ว่า หากแผนงานโครงการต่าง ๆ หรือ งบประมาณของปี 2564 มีไม่เพียงพอ จะพิจารณาตัดโครงการต่าง ๆ ที่ไม่สำคัญออก ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ คงจะยืนยันใช้โครงการมากเท่าเดิมไม่ได้ ตรงนี้เป็นการพิจารณาของคณะทำงาน
ส่วนเรื่องหนี้สินเก่า ๆ ตนพูดไปหลายครั้งแล้วว่ายังคงต้องใช้เงินจำนวนนี้อยู่ คงไม่กล่าวย้ำ ส่วนเรื่องจีดีพีคนรวย จีดีพีคนจน ต้องเรียนว่าจีดีพีมันแยกกันไม่ได้ เพื่อนำไปเป็นข้อมูลนำไปวิเคราะห์เพื่อหาหนทางปฏิบัติที่เหมาะสมต่อไปของคนทั้งประเทศ แต่ก็ขอบคุณที่นำข้อมูลมาเสนอ ซึ่งรัฐบาลก็มีทั้งหมดอยู่แล้ว แต่จำเป็นต้องนำมาสังคายนากัน แล้วจะนำข้อมูลไหนมาสู้การปฎบัติ หาหนทางปฎิบัติที่ดีที่สุด
ในฐานะที่ผมเป็นนายกฯ และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ก่อนอื่นผมต้องขอโทษที่ครั้งก่อน กล่าวว่าสมองมี 84,000 เซลล์ ผมพูดตกไป เพราะตอนนั้นรีบ ๆ แต่ความจริงเป็น 84,000 ถึง 100,000 ล้านเซลล์ ก็พูดพรวด ๆ ไป แต่สมองผมก็คงไม่น้อยไปกว่าท่านนะ ผมพูดผิดบ้างก็ขออภัย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจสถานการณ์ COVID-19 ตนก็นึกถึงและเป็นห่วงประชาชนทุกวัน มาตรการต่าง ๆ ก็จะออกมาเป็นลำดับ ไม่ใช้เฉพาะประชาชน ต้องดูแลเอสเอ็มอี ดูแลซอฟโลน
รวมถึงผู้ประกอบการที่มีคนในห่วงโซ่อยู่ด้วยจำนวนมาก ดังนั้น จึงไม่อยากให้มีการเข้าใจผิดต่อไปว่าตนดูแลแค่เจ้าสัวเท่านั้น แต่คนที่ได้ประโยชน์คือใคร คือลูกจ้าง พนักงาน เพื่อที่จะได้ไม่ลดการจ้างงาน
อยากให้เกิดความเข้าใจมองเห็นภาพความจริงที่เกิดขึ้นว่าก่อนที่ผมเข้ามา แล้วผมเข้ามาแล้วเกิดอะไรขึ้น จะเดินหน้าไปยังไง นี้คืออนาคต
ผมไม่ใช่ศัตรูกับใครอย่างที่หลายคนพูดมา วันนี้ผมพยายามทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้ทุกคนเข้าใจ แต่การทำงานด้วยการพูดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องปฏิบัติไปด้วย เผชิญปัญหาอุปสรรคมากมาย เหมือนเราจะตียึดที่หมายอะไรสักอย่าง มันต้องมีข้าศึกระหว่างทางเสมอ ก็ต้องแก้ปัญหาต้องนี้ให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลายโครงการที่ต้องดูแลประชาชนยังมีความจำเป็นบางโครงการที่ทำมาแล้วดี จากรัฐบาลก่อนหน้า ตนยินดีสานต่อ แต่ต้องพัฒนาให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น
เรื่องค้าแรงขั้นต่ำขึ้นมานานแต่ช่วงนั้นอาจขึ้นเร็วไป ทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ จำนวนมากในขนาดนั้น ตอนนี้กำลังแก้ปัญหา เพราะเปรียบเทียบกับประเทศรอบบ้านแล้ว เรายังสูงกว่า
เราขึ้นก้าวกระโดดไป ทำให้ต้นทุนการผลิตของโรงงานสูงขึ้น ทันทีในเวลาอันสั้น โรงงานปรับตัวไม่ทัน มีการย้ายฐานผลิตที่มีค่าแรงถูกกว่าไทย ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้
ส่วนการจ้างงานที่ไม่ย้ายอุตสาหกรรมการผลิต เจอปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เลยต้องมีการนำแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานในประเทศ ก็มีปัญหาทุกวัน เพราะคนเยอะ เรื่องนี้ก็ต้องแก้กันไป แต่ปัญหาการลักลอบนำแรงงานต่างต้าว ใครได้ประโยชน์ ก็ต้องสอบสวนไปตามกระบวนการยุติธรรม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากมองโครงสร้างประชากรไทย เราจะมีผู้สูงอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้ ก็มากที่สุดในอาเซียนแล้ว ภาระงบประมาณในเรื่องนี้ก็จะมากขึ้นทุกปี ยกตัวอย่างในปี 2545 จำนวน 5,100 ล้านบาท ปัจจุบัน 1.54 แสนล้าน เพิ่มขึ้นประมาณ 3-4 เท่า ในเรื่องค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลก็ต้องหาทางออก ไม่อยากให้คนป่วย ฉะนั้นต้องป้องกันตนเองให้มากที่สุด แต่หากป่วยเจ็บรัฐบาลก็พร้อมที่จะช่วยเหลือดูแล
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงเรื่องสัญญาณคลื่น 4G 5G ระบุ ไทยจัดอันดับว่ามีอินเทอร์เน็ตเร็วที่สุดในโลก และมีสัญญาณครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ ส่วนการดูแลสวัสดิการมีทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดูแลค่าครองชีพ ค่ารถไฟ รถเมล์ สำหรับผู้มีรายได้น้อย รวมถึงโครงการเราเทียวด้วยกัน คนละครึ่ง เราชนะ เรารักกัน ซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องทุจริต ยืนยันต้องมีการตรวจสอบแน่นอน หลายคดีเข้าสู่กระบวนการแล้ว
เราเลือกให้เงินให้ตรงจุด คนลำบากมากก็รับก่อน ไม่ได้ให้เพื่อร่ำรวย แต่ให้เพื่อครองชีพได้ โอกาส คือ ความเท่าเทียม การดูแลผู้มีรายได้น้อยเป็นเรื่องของความเป็นธรรม
นายกฯ ยังระบุว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้หลายคนบอกว่า ผมล้มเหลว ไม่มีวิสัยทัศน์ ทำประเทศถดถอย แต่ต่างชาติมองเราดีขึ้นอย่างสื่อยูเอสนิวส์บอกว่า ไทยเป็นประเทศที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจปี 63 และเป็นอันดับ 2 ประเทศที่ดีที่สุดในการลงทุน ขอเพียงเราอย่าขัดแย้งกัน
มีการจัดอันดับว่าไทยมีการเงินการคลังที่แข็งแกร่ง ดังนั้น ขอให้อย่าดูถูกกันเอง สถานะการเงินของเรายังดี แม้จะกู้เงินบ้าง แต่เรายังดี เขายังให้กู้
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า วันนี้ทำอย่างดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนเข้าใจ แต่จะทำงานแบบพูดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำให้ดูด้วย ยืนยันไม่โกรธหรือเกลียดใคร ถ้ามีโอกาสก็จะทำสิ่งดี ๆ ต่อไป เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้ไทยเป็นประเทศที่เข้มแข็ง
ขอบคุณสภาที่เคารพ สมาชิกผู้ทรงเกียรติทุกท่าน พร้อมรับฟังทุกเรื่องและนำไปแก้ไข อะไรที่ทุจริตก็จะรีบเร่งเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบต่อไป