วันนี้ (10 ธ.ค.2563) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานสถานการณ์อากาศเมื่อเวลา 15.00 น.พบว่าคุณภาพอากาศอยู่ในระดับ คุณภาพดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยฝุ่น PM2.5 ตรวจพบค่าระหว่าง 28-65 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก.ต่อ ลบม.) เกินมาตรฐานรวม 6 จุด ทั้งนี้สาเหตุมาจากสภาพอากาศที่ปิดหลังเจอลมหนาวลงมา สำหรับพื้นที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานมีดังนี้
- ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน 52 มคก.ต่อลบม.
- ริมถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง 51 มคก.ต่อลบม.
- ริมถนนดินแดง เขตดินแดง 52 มคก.ต่อลบม.
- ริมถนนคลองทีวัฒนา เขตทวีวัฒนา 51 มคก.ต่อลบม.
- ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 8 เขตหนองแขม 56 มคก.ต่อลบม.
- ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 65 มคก.ต่อลบ.ม.
ส่วนสถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบ2 พื้นที่ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานจนมีผลกระทบต่อสุขภาพ ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย 71 มคก.ต่อลบ.ม. และต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา 54 มคก.ต่อลบ.ม. ส่วนภาคเหนือยังพบว่าไม่มีปัญหาฝุ่นละออง
เจรจาเพื่อนบ้านคุมจุดความร้อน-ต้นเหตุฝุ่นภาคเหนือ
ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า ได้หารือกับกัมพูชา เมียนมา และสปป.ลาว ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล เตรียมแผนป้องกันและรับมือหมอกควันข้ามแดนในอนุภูมิภาคแม่โขงที่จะเกิดขึ้นในช่วงช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.2564 ทั้งนี้ เมียนมาขอบคุณไทยที่ให้ร่วมมือติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพอากาศ
ขณะเดียวกันประเทศเพื่อนบ้านได้ชื่นชมประเทศไทยที่นำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการคุณภาพอากาศ เช่น การพยากรณ์คุณภาพอากาศล่วงหน้า 3 วัน การใช้เทคโนโลยีดาวเทียมมาติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ และการพัฒนาแอปพลิเคชันระบบบัญชาการดับไฟป่า และให้ประเทศไทยเป็นผู้นำจัดอบรมให้ความรู้กับประเทศสมาชิกในอนุภูมิภาคแม่โขงด้วย
ทั้งนี้ไทยตั้งเป้าลดจำนวนจุดความร้อน (Hotspot) ในปี 2564 ให้ลดลงอย่างน้อยร้อยละ 20 จากปีที่ผ่านมา พร้อมขอความร่วมมือจากกัมพูชา เมียนมา และ สปป.ลาว ให้ร่วมกันป้องกันและแก้ปัญหาหมอกควันในภูมิภาคอย่างเต็มที่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เตือนกทม.-สมุทรปราการ รับมือ PM2.5 ระลอกใหม่