(2 มิ.ย.2563) นายไพรัตน์ อุดมไพรพฤกษ์ นายกสมาคมพัฒนาสถานรับเลี้ยงเด็กไทย พร้อมผู้ประกอบการสถานรับเลี้ยงเด็ก 88 แห่งทั่วประเทศ รวมตัวกันไปยื่นหนังสือที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ ศบค. พิจารณาผ่อนคลายมาตรการ ให้สถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ เพราะหากสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนต้องรอเปิดพร้อมกับถานศึกษาในวันที่ 1 ก.ค.2563 นั้นจะส่งผลกระทบให้สถานรับเลี้ยงเด็กประมาณ 40-60% ที่อาจจะต้องปิดตัวลง และครูพี่เลี้ยงกว่า 20,000 คน จะต้องตกงาน
นางสมใจ หนูทอง ผู้ประกอบการสถานรับเลี้ยงเด็กบ้านสานฝัน บอกว่า จากการปิดสถานรับเลี้ยงเด็ก ส่งผลกระทบต่อเจ้าของกิจการเป็นอย่างมาก เพราะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมาก อีกทั้งยังส่งผลกระทบให้ครูพี่เลี้ยงตกงาน ขาดรายได้ ถึงแม้บางส่วนจะได้รับเงินชดเชยจากประกันสังคม แต่ก็ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย
สำหรับการมายื่นหนังสือของสมาคมพัฒนาสถานรับเลี้ยงเด็กไทย เพื่อให้ ศบค.พิจารณาผ่อนคลายล็อกดาวน์ในเฟส3 ให้สถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนเปิดดำเนินการ ในครั้งนี้เป็นครั้งที่2 โดยยื่นหนังสือไปครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับการพิจารณา
ทั้งนี้หากทาง ศบค.อนุมัติให้สถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนเปิดดำเนินการ ทางสมาคมได้เตรียมมาตรการการป้องกันการระบาดของไวรัส COVID-19 ในสถานรับเลี้ยงเด็กไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งมาตรการที่เป็นลายลักษณ์อักษรและคลิปวีดิโอคู่มือแนวทางปฏิบัติในการป้องกัน Covid-19 ที่จัดทำ ร่วมกับกรมกิจการเด็กและเยาวชนกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข