วันนี้ (31 มี.ค.2563) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร มีผลตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.- 30 เม.ย.2563 ซึ่งในปัจจุบันพบว่าเริ่มมีการกักตุนสินค้าที่จำเป็นต่อการเฝ้าระวังและควบคุมติดตามการระบาด การป้องกัน และการรักษาโรค ตลอดจนการกักตุนเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนในพื้นที่ทุกจังหวัด จึงมีความจำเป็นต้องบังคับใช้พระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 อย่างเข้มงวด
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องกันภาวะขาดแคลนซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน และเพื่อรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยและการดำรงชีวิตของประชาชน ในวันนี้กระทรวงมหาดไทยได้นำเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดท้องที่เขตสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 พ.ศ.... ซึ่งมีสาระสำคัญ คือ การกำหนดให้เขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเป็นท้องที่เขตสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้ขอมติคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ฯ ขึ้นใหม่ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานคณะกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นกรรมการ และอธิบดีกรมการปกครอง เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยมอบหมายให้สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ฯ ดังกล่าว
รมว.มหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย สามารถปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อป้องกัน ปราบปรามการกักตุนสินค้าที่จำเป็นต่อการเฝ้าระวังและควบคุมติดตามการระบาด การป้องกัน และการรักษาโรค ตลอดจน การกักตุนเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ