วันนี้ (28 มี.ค.2563) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณหน่วยงานทุกหน่วยงานทุกจังหวัดที่ร่วมกันทำหน้าที่เพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมขอความร่วมมือประชาชนให้พร้อมใจกันอยู่บ้านเพื่อป้องกันตัวเอง ซึ่งจะช่วยเป็นการลดภาระทางการแพทย์ตามโครงการ "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" โดยได้ลำดับสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยตอนนี้ มีรายงานผู้ป่วยรวมตอนนี้ 1,245 คน เป็นคนไทย 1,032 และอื่น 213 คน ถือว่ายังทรงตัว
ข้อมูลการรายงานใหม่วันนี้ จำนวน 109 คน และเสียชีวิต 1 คน ชายอายุกว่า 50 ปี ยังมีโรคเบาหวาน โดยยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เนื่องจากกราฟผู้ติดเชื้อยังสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน 20-59 ปีจำนวนมากที่สุด
ส่วนการกระจายของโรคต่างๆ อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดท่องเที่ยวภาคตะวันออกและภาคใต้ และจังหวัดชายแดนใต้ สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ยะลา ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับฝ่ายปกครอง
ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อแล้วที่รับการยืนยัน 596,779 คน โดยมีรายที่หนัก 23,523 คน ส่วนจำนวนผู้ที่หายแล้ว 133,355 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 27,352 คน เพิ่มวันเดียวกว่า 3,700 คน ซึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการติดเชื้อมากที่สุด
เมื่อวานนี้ ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมามากกว่า 25,000 คน รองลงมาเป็นประเทศอิตาลีผู้ติดเชื้อ 86,498 คน ซึ่งสิ่งที่น่ากังวลคือ ตัวเลขการเสียชีวิตของประเทศอิตาลีมากกว่า 9,000 คน และประเทศแถบยุโรปเป็นอันดับหนึ่งที่ติดเชื้อสูง ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้ยังต้องขอความร่วมมือจากประชาชน ปิดประเทศทั้งประเทศแล้ว 8 ประเทศทั้ง อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ เอลซัลวาดอร์ เดนมาร์ก โปแลนด์ เปรู ยูเครน และเบลเยี่ยม
นพ.ทวีศิลป์กล่าวถึงความจำเป็นที่ใช้ยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการ ให้ 3 หน่วยงาน คือ กรมบัญชีกลาง องค์การอาหารและยา องค์การเภสัชกรรม ร่วมอำนวยให้มียาเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา-อุปกรณ์ทางการแพทย์ นำเข้าอย่างถูกต้อง เนื่องจากหลายอย่างต้องได้มาจากต่างประเทศ ทั้งจีนและญี่ปุ่นที่ผลิต
มีการกำหนดแนวทางปฏิบัติให้มีการผ่อนปรนระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ เช่น การจัดซื้อหน้ากาก N95 หรือชุด PPE ซึ่งสั่งไปแล้วอย่างละ 400,000 ชุดน่าจะดำเนินการโดยเร็ว เพื่อรองรับดูแลสำหรับที่แพทย์พื้นที่ต้องเผชิญการติดเชื้อในพื้นที่
สถานการณ์ตอนนี้จะเกิดวิกฤต การขายแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่ว่าไม่ได้เกิดที่ประเทศไทยเท่านั้น เพราะเกิดได้ทั่วโลก แม้ว่าจะมีอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว โดยนายกฯ ให้ความสำคัญเรื่องปัญหาการขาดอุปกรณ์สั่งการเร่งดำเนินการนำเข้า และเชื่อว่าจะได้โดยเร็วขึ้นอยู่ที่ระบบโลจิตส์ติกระหว่างประเทศ ส่วนที่มีขออยู่แล้วรีบระบายใช้งาน ไปยังแต่ละโรงพยาบาลโดยเร็ว
โฆษก ศบค. ยังระบุความห่วงใยของนายกรัฐมนตรีกรณีการลงทะเบียนรับเงินอย่างละ 5,000 บาท ที่จะเริ่มต้นในการลงทะเบียนในช่วงเย็นวันนี้ ที่มีประชาชนไปรอที่ธนาคารจำนวนมาก นายกรัฐมนตรีได้ให้อธิบายให้ประชาชนเข้าใจว่า จะมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ทุกคนมีโอกาสที่จะได้รับเงินเยียวยา
ผู้ที่ได้รับเยียวยาเช่น กลุ่มแรงงาน ลูกจ้าง ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ เน้คนทำงานที่เดือดร้อนจาดผลกระทบ COVID-19 เช่นถูกเลิกจ้าง โดนลดเวลาทำงาน ลดรายได้ สถานประกอบการถูกปิด เข้าข่ายได้ทั้งหมด ขณะเดียวกันเกษตรกรและผู้ถือบัตรสวัสดิการได้ด้วย แต่ต้องมีคุณสมบัติครบ โดยลงทะเบียนได้ที่ www. เราไม่ทิ้งกัน.com ได้ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป และไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีใหม่ ใช้บัญชีธนาคารที่มีอยู่แล้ว
การลงทะเบียนต้องมีเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ โทรศัพท์มือถือของตัวเองหรือคนใกล้ชิด และมีบัญชีธนาคาร เป็นธนาคารอะไรก็ได้ แต่ชื่อและนามสกุลต้องตรงกันหรือเป็นระบบพร้อมเพย์ ที่ผูกกับบัตรประชาชน โดยจะได้รับเงินเร็วที่สุด 7 วันทำการ หลังการลงทะเบียนครบถ้วน ในระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนเม.ย.ถึงเดือนมิ.ย. และไม่มีกำหนดในการปิดรับการลงทะเบียน
หากครบ 3 ล้านคนก็ไม่ได้มีการปิดรับลงทะเบียน พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใช้เทคโนโลยีในการลงทะเบียน โดยไม่ต้องไปที่ธนาคาร เพราะการไปในที่สาธารณะ ที่ต้องพบประชาชน และมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มประชาชนที่กลับต่างจังหวัด มีการติดตาม กระทรวงสาธารณสุขมีทีม อสม. ที่ลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน เพื่อตรวจสอบคุมโรค ซึ่งมีมากกว่า 1,000,000 ทีมทั่วประเทศที่ดูแล จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งความสำคัญคือความร่วมมือจากประชาชน ส่วนใน3 จังหวัดใช้แดนภาคใต้ ใช้มาตรการป้องกัน ควบคุม รักษา และเยียวยา โดยเชื่อมั่นว่าจะควบคุมการแพร่ระบาดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะสินค้าได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาไข่ราคาแพงจนขาดตลาด ขณะที่มาตรการทางสังคม ยกตัวอย่างเช่น จีนใช้โซเชียลมีเดีย ในการทำให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจ จิตอาสาการร่วมใจของบุคลากรทางการแพทย์ที่รักษาผู้ป่วย เกิดภาพประทับใจ มาสร้างค่าปกติใหม่ทางสังคมให้หัวใจพองโต พร้อมช่วยกันตรวจสอบการเอาเปรียบในสังคม