วันนี้ (22 ส.ค.2562) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จัดประชุมสัมมนาวิชาการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ประจำปี 2562 ภายใต้หัวข้อ "องค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยี และเครื่องมือเพื่อการบริหารจัดการทะเลและชายฝั่ง" โดยมีการบรรยายพิเศษจากนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านกฎหมาย ด้านสิ่งแวดล้อมและด้านการบริหารจัดการทางทะเล ในหัวข้อต่างๆ เช่น Ocean Health Index การฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งบริเวณหน้าบ้านตนเอง รวมถึงการเสวนาขับเคลื่อนประเด็นข้อกฎหมายและกลไกทางการเงินในการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการบริหารจัดการป่าชายเลน
นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า หลายเหตุการณ์ที่สัตว์ทะเลต้องตายด้วยขยะพลาสติก รวมถึงลูกพะยูน "มาเรียม" ด้วย ส่วนใหญ่ขยะเกิดจากกิจกรรมบนฝั่งและพฤติกรรมของคน ซึ่งไทยถูกจัดอันดับประเทศที่มีขยะทะเลมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก ไม่ใช่เรื่องดี แต่วันนี้มีนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยดักขยะก่อนไหลลงทะเล และในอนาคตอันใกลนี้ก็มีการพัฒนา AI มาช่วยจัดการปัญหาขยะด้วย
ด้านนายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุว่า การจัดงานครั้งนี้ ทช.ได้ชูประเด็นองค์ความรู้และเครื่องมือที่จำเป็น ซึ่งมีความสำคัญในการบริหารจัดการทะเลและชายฝั่ง โดยได้นำนวัตกรรมที่เหมาะสมมาสนับสนุนการดำเนินงาน เกิดเป็นความร่วมมือของหลายภาคส่วนในการจัดการปัญหาขยะทะเลที่ขณะนี้กลายเป็นปัญหาระดับชาติ
พร้อมกันนี้ ทช.ยังได้รับมอบ "ทุ่นกักขยะลอยน้ำ" จากบริษัทเอกชน (ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี) จำนวน 20 ชุด เพื่อจะนำไปติดตั้งบริเวณปากแม่น้ำและลำคลองสาขา รวม 20 จุดใน 13 พื้นที่นำร่อง เช่น เพชรบุรี ระยอง สมุทรสงคราม นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต เป็นต้น
นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่นำนวัตกรรมมาช่วยแก้ผัญหาขยะในแหล่งน้ำ ซึ่งทุนกักขยะลอยน้ำจะอยู่ในการดูแทของ ทช. โดยเอสซีจีจะร่วมติดตามผลและศึกษาการจัดการขยะที่เก็บได้จากแหล่งน้ำ เพื่อนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและป้องกันไม่ให้กลับสู่แหล่งน้ำอีก
นอกจากนี้ ยังคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมต้นแบบ "หุ่นยนต์ดักจับขยะลอยน้ำ 4.0" ช่วยเก็บขยะในพื้นที่น้ำนิ่งและเข้าถึงลำบาก โดยได้นำระบบ ML (Machine Learning) และ IOT (Internet of Thing) มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บขยะและอำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยออกแบบให้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมทดลองใช้ภายในปลายปี 2562
ก่อนหน้านี้ ทช.ได้ร่วมกับธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี พัฒนาอุปกรณ์ติดทุ่นกักขยะลอยน้ำ เพื่อดักขยะไม่ให้ไหลลงทะเล โดยทดลองติดตั้งต้นแบบทุ่นกักขยะลอยน้ำบริเวณปากแม่น้ำและลำคลองสาขาในพื้นที่ จ.ระยอง และ จ.สมุทรสาคร พบว่าสามารถกักขยะลอยน้ำได้เฉลี่ย 7-8 กิโลกรัมต่อวันต่อชุด ซึ่งขยะที่พบส่วนใหญ่เป็นพลาสติก และภายในปีนี้ ทช.จะขยายจุดติดตั้งเพิ่มอีก 20 จุด ถือเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อลดปัญหาขยะในทะเล