วันนี้ (21 ส.ค. 62 ) ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 จ.ลำปาง พนักงานสอบสวน สภ.แม่สาย นำยาเสพติดชนิดแผ่นเหนียว ห่อหุ้มด้วยพลาสติกน้ำหนักรวม 6.7 กิโลกรัม ที่ยึดได้จากหญิงชาวเมียนมา เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 62 และตรวจสอบเบื้องต้นว่ามีส่วนผสมของเมทแอมเฟตามีน และเคตามีน ซึ่งเป็นยาเสพติดชนิดใหม่ที่ยังไม่เคยพบมาก่อน มาส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการ เพื่อพิสูจน์ยาเสพติดอีกครั้ง
ล่าสุดวันนี้ พนักงานสอบสวนได้นำของกลางส่งให้นักวิทยาศาสตร์ ตรวจสอบในห้องปฏิบัติการแล้ว และพบว่าของกลางที่ไม่รวมสิ่งห่อหุ้มมีทั้งหมด 5.3 กิโลกรัม พบว่าเป็นยาเสพติดประเภทโคเคน ซึ่งจัดอยู่ในยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ไม่มีส่วนผสมของเมทแอมเฟตามีน และเคตามีน ตามที่ตรวจพบเจอก่อนหน้านี้
ผลการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดที่พบเป็นโคเคน
พล.ต.ต.สันติ์ สุขวัจน์ ผบก.ศพฐ.5 เปิดเผยว่า เป็นครั้งแรกที่พบโคเคนในพื้นที่ภาคเหนือ ส่วนรูปแบบของยาเสพติดนั้นคาดว่ากลุ่มผู้ลำเลียงใช้วิธีโคเคนละลายน้ำและผสมด้วยสารบางอย่างคล้ายกับน้ำมันเพื่อให้โคเคนจับตัวกัน และห่อหุ้มด้วยพลาสติก ซ่อนในเสื้อกันหนาวเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับของเจ้าหน้าที่
สำหรับโคเคน ส่วนใหญ่จะตรวจจับจากกลุ่มผู้ต้องหาชาวต่างชาติที่มาจากประเทศในแถบอเมริกาใต้ ซุกซ่อนมาภายในร่างกายผ่านทางสนามบิน ซึ่งมีผลการจับกุมของทั้งเจ้าหน้าที่ศุลกากรและตำรวจ ส่วนการนำไปขายหรือส่งต่อก็จะส่งให้กับกลุ่มคนต่างชาติตามสถานบันเทิง หรือตามสถานที่ที่พักอาศัยอยู่
โคเคนส่วนใหญ่จะผลิตได้ในประเทศแถบทวีปอเมริกาใต้ และไม่ค่อยแพร่ระบาดในไทยมากนัก เพราะการขนส่งที่ระยะทางไกล และมีความต้องการของคนเฉพาะกลุ่ม ส่วนผลเสียสำหรับผู้ที่เสพโคเคนจะมีอันตรายกับร่างกาย โดยอาการที่สังเกตเห็นได้ชัดที่สุด คือ มือจะสั่น อัตราการเต้นหัวใจเร็วขึ้น ความดันเลือดสูง อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นจนถึง 45.5 องศาเซลเซียส อาจเกิดอาการชัก หมดสติ ระบบการหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้
ส่วนบทลงโทษสำหรับผู้ที่ผลิต นำเข้า หรือส่งออก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 20 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2-5 ล้านบาท ผู้เสพ โทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000-60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ