วันนี้ (9 ส.ค.2562) พลเอกวิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงพื้นที่ที่เทศบาลตำบลครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนหลายอำเภอใน จ.นครราชสีมา และ จ.ปราจีนบุรี ที่อาศัยทำกินในพื้นที่ที่เกิดปัญหาทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและอุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ผิดพลาดของหน่วยงานภาครัฐและเป็นปัญหาเรื้อรังมานานกว่า 20 ปี
ชาวบ้านระบุว่า พวกเค้าเป็นผู้ได้รับสิทธิทำกินในที่ดิน ส.ป.ก. ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ.2521 ซึ่งขณะนั้นกรมป่าไม้และ ส.ป.ก. ได้ร่วมกันสำรวจรังวัดแนวเขตตามค่าพิกัดของกรมแผนที่ทหารต่อมาปี 2524 มีการประกาศพระราชกฤษฎีกา กำหนดแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน โดยไม่ได้ไปสำรวจพื้นที่จริง จนเกิดปัญหาแผนที่ทับซ้อน
แม้ภาครัฐจะรับทราบปัญหาและหลายหน่วยงานก็ได้ร่วมกันสำรวจรังวัดเพื่อปรับปรุงแนวเขตในระหว่างปี 2533 ถึง 2543 แต่การแก้ไขพระราชกฤษฎีกาปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลานกลับไม่แล้วเสร็จ กรมอุทยานฯ จึงต้องยึดถือพระราชกฤษฎีกาฯ ที่ประกาศในปี 2524 ซึ่งมีปัญหาเรื่องแนวเขต นำไปสู่การดำเนินคดีชาวบ้านว่าบุกรุก จนเกิดปัญหาพิพาทและเกิดความขัดแย้งระหว่างภาครัฐและชาวบ้านในพื้นที่
หลังมีการร้องเรียนต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อปี 2557 นำไปสู่การไต่สวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งล่าสุด ผู้ตรวจการแผ่นดินมีคำวินิจฉัยส่งถึงนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2562 เสนอแนะให้หน่วยงานดำเนินการดังนี้
1. ให้กระทรวงทรัพยากรฯ ปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ตามผลสำรวจร่วมในปี 2543
2. ในส่วนพื้นที่เขตอุทยานฯ ให้กรมอุทยานฯ พิจารณาอนุญาตให้ประชาชนอาศัยทำกิน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อยไขทางกฎหมาย
3. พื้นที่เสื่อมโทรมที่ถูกกันออกจากเขตป่า เสนอให้กรมป่าไม้ รายงานเหตุผลให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรฯ ออกกฎกระทรวงยกเลิกแนวเขต และส่งมอบพื้นที่แก่ ส.ป.ก.
พื้นที่ที่เกิดปัญหาครอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอใน 2 จังหวัด คือ อำเภอวังน้ำเขียว ปักธงชัย ครบุรี เสิงสาง จ.นครราชสีมา และอำเภอนาดี จ.ปราจีนบุรี ทั้งนี้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ระบุคำวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน