วันนี้ (28 พ.ค.2562) กรณีเกิดเพลิงไหม้ที่ท่าเรือแหลมฉบังตู้คอนเทนเนอร์ ที่มีสารเคมีแคลเซียมไฮโปคลอไรด์ นายพสุ โลหารชุนปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดและกรมโรงงาน เข้าไปตรวจสอบ โดยเฉพาะการนำเข้าสารเคมีแคลเซียมไฮโปคลอไรด์ว่าเป็นการนำเข้าเพื่อใช้ในราชอาณาจักรไทยหรือแค่พักไว้และนำส่งออก
ทั้งนี้ยืนยันว่า ขั้นตอนการนำเข้าสารเคมีต่างๆ กรมโรงงานมีกระบวนการตรวจสอบอย่างเข็มงวด หากนำเข้าเพื่อใช้ในประเทศจะต้องแจ้งนำเข้าและขอใบอนุญาตก่อน
ส่วนนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สารดังกล่าวมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศ โดยในอุตสาหกรรมอาหารจะใช้ในการล้างทำความสะอาดอาหารแช่แข็ง ค่าเชื้อจุลทรีย์ในอาหาร วัตถุดิบ ซึ่งไม่อันตรายหากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เช่น ฆ่าเชื้อจุลทรีย์ อยู่ที่ 100 มิลิกรัมต่อลิตร จะมีสารตกค้างเพียง 1 มิลิกรัมต่อลิตร ทำให้เมื่อใช้ในการล้างอาหารแล้วจะสลายไปได้เอง ไม่เป็นอันตรายการต่อประชาชน
ยอมรับว่าหากมีการใช้ในปริมาณที่มากเกินไป ก็จะเป็นอันตรายจากการสูดดมและมีผลต่อระบบทางเดินหายใจเนื้อเยื่ออ่อนในร่างกาย ดังนั้นการใช้จะต้องมีความระมัดระวังตามข้อกำหนด
ปรับ 5 หมื่นเรือบบรทุกตู้ไม่แจ้งเข้าท่าเรือ
ด้านร.ท. ยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้กู้ซากตู้คอนเทนเนอร์ที่ไฟไหม้ขึ้นมาจากใต้ทะเลขึ้นมาตรวจสอบ เพื่อเปิดให้บริการเรือขนส่งสินค้าเข้าเทียบท่าได้ตามปกติ
และการท่าเรือฯได้แจ้งความลงบันทึกประจำวัน บริษัท เคเอ็มพีซี ผู้นำเข้าสินค้าจากเรือ KMTC Hongkong เข้ามายังท่าเรือ A2 เเละเกิดเพลิงไหม้ ที่ไม่สำแดงสินค้าอันตรายก่อนเข้าท่าเรือ ทั้งที่ตามประกาศของการท่าเรือฯ ระบุว่า หากเป็นสารอันตรายต้องสำแดงสินค้าก่อนเข้าเทียบท่าเรืออย่างน้อย 24 ชั่วโมงไม่ว่าปลายทางการส่งสินค้าจะเป็นท่าเรือแหลมฉบัง หรือท่าเรืออื่นๆ พร้อมดำเนินการเปรียบเทียบปรับ จำนวน 50,000 บาท ก่อนดำเนินคดีอื่นต่อไป
ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้ยื่นแบบสำแดงสินค้าอันตรายจะด้วยเจตนาลักลอบนำเข้าหรือเจตนายื่นแบบรายการสินค้าที่ไม่ตรงกับสินค้าที่ขนส่งจริงกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของตำรวจ
ร.ท.ยุทธนา ยอมรับว่า มีผู้ประกอบการนำเข้าสินค้ากลุ่มหนึ่งทำหนังสือร้องเรียนว่ามีตู้คอนเทนเนอร์ตกค้างที่ท่าเรือแหลมฉบังจากหลายประเทศจำนวนหลายร้อยตู้ และหวั่นว่าเป็นสารอันตราย แต่ทั้งนี้อำนาจในการเปิดตู้ตรวจสอบจะอยู่กับกรมศุลกากรที่จะเป็นผู้ดำเนินการ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง คุมเพลิงได้! คาด "สารเคมี" ระเบิดต้นเพลิงไฟไหม้ท่าเรือแหลมฉบัง
ชาวบ้านยื่นขอรับค่าเสียหาย 1,092 คน
ขณะที่ความคืบหน้าชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เทศบาลนครแหลมฉบัง เปิดโอกาสให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ นำเอกสารหลักฐาน รูปถ่ายทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายมาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลนครแหลมฉบัง เพื่อยื่นความจำนง รับค่าเสียหาย โดยเปิดรับแจ้งวันนี้เป็นวันสุดท้าย
นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศบาลนครแหลมฉบัง กล่าวว่า ประชาชนที่มายื่นความจำนงมี 1,092 คน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ บาดเจ็บทางร่างกาย และ ทรัพย์สินเสียหาย โดยจะนำรายชื่อทั้งหมด ไปมอบให้กับท่าเรือแหลมฉบังในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ค.)
ส่วนระยะเวลาที่จะได้รับค่าชดเชยนั้น เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากคาดว่า ทางท่าเรือแหลมฉบัง ได้มีการตั้งคณะกรรมการรองรับไว้แล้ว ซึ่งจะสามารถพิจารณาได้ทันที
ขณะที่เจ้าของเรือลำเกิดเหตุ ซึ่งเป็นชาวเกาหลีใต้ พร้อมบริษัทประกันภัย พบกับเจ้าหน้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อวานนี้พร้อมยืนยันจะชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข
ส่วนสินค้าของเรือลำอื่นๆที่ยังไม่ได้ขึ้นท่าเรือแหลมฉบัง และเสียหายจากเหตุการณ์นี้ด้วย เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากไม่สำแดงไว้ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ต้องรอให้เจ้าของสินค้ามาสำแดงอีกครั้งว่ามีอะไรเสียหายบ้าง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
1 สัปดาห์รู้ผลน้ำทะเลปนเปื้อนสารเคมีไฟไหม้ตู้สินค้า
สอบที่มา “สารเคมี” ซุก 13 ตู้คอนเทนเนอร์ท่าเรือแหลมฉบัง