ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ที่สนามแอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล ต้องการ 4 ประตูเป็นอย่างน้อยเพื่อผ่านเข้ารอบ หลังจากนัดแรกบุกไปแพ้ บาร์เซโลน่า 0-3
เกมนี้ ลิเวอร์พูล ไม่มี โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ แต่กลับมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่ 7 นาทีแรกจาก ดีว็อค โอริกี ครึ่งแรก บาร์เซโลน่า มีโอกาสทำประตูหลายครั้ง แต่ อลิสซง เบ็คเกอร์ โชว์ฟอร์มป้องกันไว้ได้หมด จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ 1-0
ครึ่งหลังนาที 46 ไวจ์นัลดุม ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามแทนที่ของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ก่อนที่ ไวจ์นัลดุม จะกลายเป็นฮีโร่ทำคนเดียว 2 ประตูภายในเวลาห่างกันแค่ 2 นาที เริ่มจากลูกยิงในนาทีที่ 54 และลูกโหม่งในนาทีที่ 56 ทำให้สถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมกลับมาเสมอกันที่ 3-3
นาทีที่ 79 อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ฉวยโอกาสเล่นเตะมุมเร็ว ในขณะที่นักเตะของบาร์เซโลน่ายังไม่พร้อม และเป็น โอริกี ที่ยิงประตูที่ 2 ของตัวเอง และเป็นประตูปิดท้ายให้ ลิเวอร์พูล ชนะ บาร์เซโลน่า 4-0 พลิกสถานการณ์กลับมาเข้ารอบชิงชนะเลิศด้วยประตูรวม 4-3 ได้สำเร็จ
หลังการแข่งขัน เจอร์เก้น คล็อปป์ ชื่นชมจิตใจของนักเตะลิเวอร์พูล ที่สามารถทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ โดยเฉพาะการชนะ บาร์เซโลน่า ด้วยสกอร์นี้ และไม่เสียประตู ส่วน เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ยอมรับว่ายังไม่รู้อนาคตของตัวเองกับสโมสร แต่การตกรอบของทีมคือความรับผิดชอบของโค้ช
ด้าน เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ บอกว่านักเตะลิเวอร์พูลยังรู้สึกมีลุ้นเข้ารอบหลังแพ้ในเกมแรก 0-3 และไม่มีใครคิดว่าทีมมีโอกาสผ่านเข้าชิง ส่วน อเล็กซาน์เดอร์ อาร์โนลด์ พูดถึงประตูที่ 4 บอกว่าเป็นสัญชาตญาณของเขาที่เล่นเตะมุมเร็ว แต่ก็ต้องชมโอริกี ที่จบสกอร์ได้สำเร็จ ด้าน ไวจ์นัลดุม ซูเปอร์ซับในเกมนี้ยอมรับว่าไม่พอใจ คล็อปป์ ที่ดร็อปเขาเป็นเพียงตัวสำรอง แต่สุดท้ายก็รู้สึกมีความสุขกับ 2 ประตูที่ทำได้
สำหรับ ลิเวอร์พูล จะเข้าไปลุ้นแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 โดยรอชิงชนะเลิศกับ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม หรือ สเปอร์ส ที่จะลงเตะนัดที่ 2 คืนนี้ โดย อาแจ็กซ์ ชนะมาก่อนในนัดแรก 1-0