วันนี้ (24 เม.ย.2562) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุด ตัดสินให้รัฐคืนเงินชดเชยให้กับบริษัทโฮปเวลล์ จากการบอกเลิกสัญญา เป็นเงิน 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีภายใน 180 วันว่า เรื่องนี้เป็นผลพวงจากการทำงานในอดีตที่ผ่านมายาวนาน รัฐบาลนี้ก็ต้องแก้ไข ขณะนี้ต้องรอความชัดเจนในรายละเอียดของคำพิพากษา เพื่อหาทาง ออกในการเจรจาร่วมกัน เบื้องต้นกระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้มีการชี้แจงขั้นต้นมาแล้วเร่งจะเร่งพิจารณาผลคำพิพากษาของศาล และขั้นตอนต่างๆต่อไป
เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่รัฐบาลก็จำเป็นต้องแก้ไข ที่ผ่านมาแก้ไขกรณีคดีคลองด่าน และอีกหลายเรื่องไม่อยากจะพูดถึง ทุกคนทราบดี
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันนี้กระทรวงคมนาคมไม่ได้รายงานให้คณะรัฐมนตรี รับทราบ เนื่องจากต้องรอการประชุมของบอร์ดการรถไฟ ในวันที่ 26 เม.ย.นี้ ว่าจะต้องรวมเงินทั้งหมดเท่าไหร่ และจะจ่ายอย่างไร รวมถึงต้องไปดูสถานะทางการเงินของการรถไฟ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ศาลสั่ง "คมนาคม" จ่าย 1.18 หมื่นล้าน บอกเลิกสัญญา "โฮปเวลล์"
เกาะติดจ่ายค่าโง่ แนะถอดบทเรียนคลองด่าน
ด้านนายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้สหภาพอยู่ระหว่างติดตามข้อมูลด้านต่างๆ และจะติดตามการหารือของคณะกรรมการการรถไฟฯที่จะประชุม 26 เม.ย.นี้ ว่าจะมติออกมาอย่างไร รวมทั้งการดำเนินการระดับรัฐบาลที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบค่าโง่ดังกล่าว
นอกจากนี้ ภาระที่เกิดขึ้นจากค่าโง่ 1.2 หมื่นล้านบาทยังสร้างความเสียหายแก่ประเทศเพราะที่ผ่านมาโครงการนี้มีข้อมูลขัดเจนว่าเป็นการงุบงิบ ทำระหว่างนักการเมือง และเอกชนบางราย โดยขาดการตรวจสอบ และมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน และมีรายละเอียดที่เสียเปรียบกับเอกชนมากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ภาครัฐควรนำกรณีศึกษาจากโครงการคดีทุจริตจัดซื้อที่ดิน และโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน และคดีค่าโง่ทางด่วนบูรพาวิถี มาเป็นกรณีศึกษาถึงแนวทางการชดเชยแก่เอกชน
นอกจากนี้ยังต้องการให้ภาครัฐพิจารณาเชื่อมโยงกับโครงการปัจจุบันโดยเฉพาะโครงการในพื้นที่ EEC รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ปัจจุบันแม้สังคมจะสามารถตรวจสอบโครงการแต่โครงการนี้ที่รัฐบาลประกาศเดินหน้าภาคสังคมก็ไม่ได้มีส่วนร่วมตรวจสอบและคัดค้านโครงการ