วันนี้ (4 เม.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เตรียมออกหมายเรียกนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เพื่อแจ้งข้อหาร่วมกันผลิตกัญชาและครอบครองกัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต ทันทีที่นายเดชา เดินทางกลับจากการเป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องข้าวแก่เกษตรกรในประเทศลาว
สำหรับการดำเนินคดีกับนายเดชา เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้ (3 เม.ย.) ตำรวจชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ทหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 7 เข้าตรวจค้นภายในที่ทำการมูลนิธิใน ต.สระแก้ว อ.เมืองสุพรรณบุรี พบต้นกล้ากัญชากว่า 200 ต้น น้ำกัญชาสกัด กัญชาบดแห้งและเมล็ดกัญชาตากแห้งบรรจุถุง
เบื้องต้น ตำรวจได้ควบคุมตัวนายพรชัย ชูเลิศ เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ในข้อหาร่วมกันผลิตกัญชาและมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เบื้องต้นนายพรชัยอ้างว่ากัญชาและผลิตภัณฑ์กัญชาที่พบเป็นของนายเดชาที่มีไว้เพื่อผลิตยารักษามะเร็งแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยนำไปทดลองใช้แล้วทั่วประเทศ
การตรวจค้นมูลนิธิข้าวขวัญ เกิดขึ้นหลังจากมีผู้นำน้ำมันกัญชาบรรจุแคปซูล ซึ่งอ้างว่าสามารถรักษาโรคมะเร็งและอีกหลายโรคไปแจกจ่ายที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.พิจิตร เจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดสอบสวนกระทั่งทราบว่ากัญชาที่นำมาแจก ผลิตในมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี และยังเปิดเพจรับสมัครผู้เข้าอบรมปลูกกัญชาและสกัดน้ำมันกัญชา คนละ 2,000 บาท รวมกว่า 400 คน จึงเข้าตรวจค้นและจับดังกล่าว
นพ.สาโรจน์ มะรุมดี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี ยืนยันว่า มูลนิธิข้าวขวัญไม่ได้ยื่นขออนุญาตปลูกกัญชาเพื่อทดลอง หรือนำมาผลิตยารักษาโรคแต่อย่างใด ซึ่งตามหลักแล้วการปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ต้องขออนุญาตปลูกจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และขออนุญาตผลิตยาจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ขณะที่ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการ อย. ยืนยันว่ากฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่มีการผ่อนปรนให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์และวิจัยเท่านั้น เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
บุกค้น "มูลนิธิข้าวขวัญสุพรรณ" ยึดกัญชา 200 ต้น