ปี 2562 คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตั้งเป้าหมายจะดึงเม็ดเงินลงทุนในพื้นที่อีอีซี 3 แสนล้านบาท โดยนายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตธุรกิจสาธารณูปโภคและไฟฟ้า ประเมินว่า แนวโน้มการลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจไฟฟ้า มีโอกาสจะเติบโตเพิ่มขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า หากมีเม็ดเงินลงทุน 3 แสนล้านบาทในพื้นที่อีอีซี จึงต้องเตรียมความพร้อมรองรับความต้องการใช้และบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอ
โดยเฉพาะการบริหารจัดน้ำและบำบัดน้ำเสียที่ต้องใช้ในโรงงานและบ้านเรือน คาดว่าความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้น 7-8 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณพื้นที่รอการขาย 10,000 ไร่ที่อยู่ในความดูแลของบริษัท
ส่วนธุรกิจไฟฟ้าที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา หรือโซลาร์รูฟท็อป เชื่อว่าจะแข่งขันมากขึ้น เนื่องจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมและเมืองจะทำให้ปริมาณโซลาร์รูท็อปในอีอีซีเพิ่มขึ้น เพราะสามารถลดต้นทุนให้กับโรงงานได้และคาดหวังว่าเมื่อได้รัฐบาลใหม่แล้วจะเดินหน้าโดยไม่มีการทบทวนโครงการในอีอีซี และอยากให้รัฐสนับสนุนระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ หรือสมาร์ทกริช รองรับใช้ไฟฟ้าในอนาคต
ส่วนแผนการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในนิคมฯ อยู่ในอีอีซี 8 แห่งและ จ.สระบุรี คาดว่าปีนี้จะมียอดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นราว 15-20 เมกะวัตต์