วันนี้ (8 มี.ค.2562) นายชยางกูล ดำโอ และนายรัชชานนท์ นุ่นแก้ว ผู้เสียหาย กรณีรถแท็กซี่ทะเบียน มฎ-3630 กรุงเทพมหานคร เรียกค่าโดยสารจากหมอชิตไปรังสิต สูงถึง 1,800 บาท เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต แต่ พ.ต.ท.กวี ช่างสร้าง พนักงานสอบสวน ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น โดยแนะนำให้ทั้ง 2 คน ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่สถานีขนส่งหมอชิต ซึ่งเป็นจุดที่แท็กซี่รับทั้ง 2 คน ขึ้นรถก่อนไปส่งในย่านรังสิต
จากสอบปากคำทั้ง 2 คน ทราบว่าเดินทางจาก จ.สงขลา เพื่อมาเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนจ่าทหารเรือ โดยนั่งรถทัวร์โดยสารมาลงที่สถานีขนส่งหมอชิต มีชายคนหนึ่งเข้ามาชักชวนให้ไปนั่งรถแท็กซี่โดยเหมาคนละ 900 บาท จึงได้จ่ายเงินไปรวม 1,800 บาท หลังจากนั้นรถแท็กซี่ได้มาส่งที่บ้านญาติย่านรังสิต รู้สึกว่าระยะทางไม่ไกลมาก จึงปรึกษาญาติก่อนจะเข้าแจ้งความ
ผมมาจากสงขลา กับเพื่อน 2 คน พอมาถึง กรุงเทพ 9 โมงเช้า ก็มีคนขับแท็กซี่มายืนรอเลย พอขึ้นรถแล้วไปถึง เขาก็บอกว่า ขอเก็บเงินนะ แล้วเขาก็ให้ดูใบอะไรสักอย่าง เขียนว่า 900 บาท
ด้านกรมการขนส่งทางบก โดยกองตรวจการขนส่งทางบก เรียกผู้ขับแท็กซี่คันดังกล่าวมารายงานตัว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ครอบครองรถ ชื่อนายประจันทร์ สิงห์ขรณ์ แต่ให้นายศุภโชค สิงห์ขรณ์ ซึ่งเป็นบุตรชาย เป็นผู้ขับรถในวันและเวลาดังกล่าว
ขณะที่นายศุภโชค ยอมรับว่า เก็บค่าโดยสารเกินราคา ไม่ใช้มิเตอร์ และใบอนุญาตขับขี่หมดอายุ กรมการขนส่งทางบกจึงปรับทุกข้อหา ทั้งไม่ใช้มาตรมิเตอร์ เป็นเงิน 1,000 บาท ขับรถขณะใบอนุญาตสิ้นอายุ เป็นเงิน 2,000 บาท และไม่ส่งประวัติผู้ขับรถเพิ่มเติมกรณีชื่อไม่ตรงกับเจ้าของรถ เป็นเงิน 1,000 บาท พร้อมทั้งให้เข้ารับการอบรมเรื่องกฎระเบียบในการให้บริการที่ดีเป็นเวลา 3 ชั่วโมง และบันทึกประวัติเพื่อติดตามพฤติกรรมไปยังศูนย์ประวัติผู้ขับรถกรมการขนส่งทางบก