เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมร่วม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาล และพรรคการเมือง เกี่ยวกับการเลือกตั้งว่า ตนไม่ได้ไปเนื่องจากต้องเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชจึงได้มอบหมายให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ และนายถวิล ไพรสณฑ์ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรทั้งหมดอยู่ที่ คสช. ที่จะซักถามความเห็นของพรรคการเมืองแต่ไม่แน่ใจว่าจะมีผลต่อการตัดสินใจมากน้อยเพียงใด
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์หาก คสช. ยกเลิกคำสั่งการห้ามทำกิจกรรมต่างๆ เราปฏิบัติตามกฎหมายได้ทั้งหมด ปัญหาขณะนี้ที่พรรคการเมืองจะปฏิบัติไม่ได้คือการยังไม่สามารถประชุม ทำกิจกรรมเพื่อเดินต่อตามกระบวนการของพรรคการเมืองได้ ส่วนพรรคการเมืองที่กำลังตั้งขึ้นหรือบางพรรคที่ข้อบังคับพรรคอาจมีปัญหาในเรื่องการตั้งสาขาพรรคนั้นก็ต้องแก้กฎหมายให้เขาเพื่อให้เดินได้ แต่ถ้ายังไม่อนุญาตให้มีการทำกิจกรรม ไม่อนุญาตให้ประชุมก็จะเป็นอุปสรรคต่อไปเรื่อยๆ และเป็นปัญหามากขึ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้า คสช.ห่วงเรื่องของความมั่นคงก็ชัดอยู่แล้วว่าเวลาพรรคการเมืองทำกิจกรรมอะไรก็สามารถไปดูได้ว่ากระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ การที่กรรมการบริหารประชุม การเดินทางออกไปพบปะสมาชิกเพื่อระดมสมาชิกหรืออะไรก็ตามไม่น่าจะเป็นปัญหา และกิจกรรมใดที่อาจสร้างปัญหาต่อ ความมั่นคงก็มีกฎหมายอื่นๆแม้แต่คำสั่งคสช. อยู่แล้วที่จะสามารถจัดการได้ ใครทำให้บ้านเมืองวุ่นวายก็ดำเนินการตามกฏหมาย ลงโทษไป แต่ควรให้ทุกอย่างเดินได้ เพราะคสช. เองบอกว่าจะเข้ามาปฏิรูปการเมือง การปฏิรูปการเมืองของคสช. คือการมากำหนด หลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นเรื่องใหม่ ในกฎหมายพรรคการเมืองบ้าง
กฎหมายเลือกตั้ง หรือกฎหมายอื่น แล้วถ้าไหนที่สุด เราไม่ทำให้กฏหมายเดินได้สุดท้ายก็คือไม่ได้ปฏิรูป ถ้าต้องการให้พรรคการเมืองเพียงแค่ปฏิบัติตามกฏหมาย มีสมาชิกจังหวัดละ 100 คน ที่ระบุว่าทำไพรมารี่โหวตเพื่อให้สมาชิกมีส่วนร่วม แต่เอาเข้าจริงคนชนะได้คะแนน 30 ถึง 40 คะแนนก็คงไม่ใช่การปฏิรูปการเมือง ดังนั้นถ้าต้องการปฏิรูปการเมืองก็ควรจะให้พรรคการเมืองสามารถระดมสมาชิกจำนวนมากสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกคนจะลงสมัครรับเลือกตั้ง มีส่วนร่วมในเรื่องนโยบายและอื่นๆก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.อ. ประวิตรวงษ์ สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาจพิจารณายกเลิกการทำไพรมารี่โหวตในการเลือกตั้งครั้งแรก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สุดท้ายก็กลายเป็นว่าการที่อ้างว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงปฏิรูป สุดท้ายก็บอกว่าทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำอีกเพราะฉะนั้นอยู่ที่คสช. จะต้องย้อนกลับไปดูภาพใหญ่ว่าตกลงเรื่องอะไรที่สำคัญ ถ้าบอกว่าการปฏิรูปการเมืองเป็นเรื่องสำคัญก็ต้องพยายามให้กฎหมายเดินได้ตามเจตนารมย์
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเมืองขณะนี้มีพรรคการเมืองเกิดขึ้นหลายพรรครวมถึงพรรค รวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) สถานะของพรรคประชาธิปัตย์จึงถูกมองว่ากำลังถูกกดดัน ให้ต้องเลือกข้าง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีความกดดันใดๆ ประชาธิปัตย์มีจุดยืนที่ชัดเจน มีการเตรียมชุดนโยบาย เตรียมแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งไม่เหมือนกับพรรคการเมืองอื่นๆและนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราเสนอตัวเป็นทางเลือกของประชาชน ขอความสนับสนุนจากประชาชน
เมื่อถามถึงกระแสดูดนักการเมืองที่หนักหน่วงในขณะนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา พรรคการเมืองเกิดขึ้นมาก็ต้องพยายามที่จะแข่งขันกันแต่ที่ติดใจอยู่เรื่องเดียวคือ ถ้าเรากลับไปสู่ ระบบที่เอาเรื่องผลประโยชน์ ไม่ว่าเงินหรือตำแหน่ง หรือเลวร้ายที่สุดมีการพูดถึงการต่อรองเรื่องคดีขึ้นมา การเมืองมันก็ถอยหลัง แต่ถ้าเป็นเรื่องของการตั้งพรรคการเมืองแล้วใครมีแนวความคิดอยากไปสนับสนุนแนวทางหรืออุดมการนั้นก็ไม่ว่ากันอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีเสียงวิจารณ์ ว่าเป็นสฤษดิ์น้อย ภายหลังลงสัมภาษณ์นิตยสารไทม์ของพล.อ.ประยุทธ์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “คงเป็นความพยายามวิเคราะห์และพยายามชี้ว่าแนวทางที่พลเอกประยุทธ์หรือคสช. ที่พูดถึงเรื่องเข้ามาเพื่อรักษาความสงบ และนำกลับไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย จะเป็นหรือไม่แล้วเปรียบเทียบกับประวัติศาสตร์ ความจริงก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ เป็นเรื่องที่คนในประเทศเองก็ทราบกันอยู่และติดตามวิเคราะห์กันอยู่”
เมื่อถามถึงกรณีที่การเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีการพูดเชิงตำหนิอดีต ส.ส. ที่โดนดูดตัวไปแล้วประกาศว่าจะมีการหาคนรุ่นใหม่มาลงทดแทนในเขตที่หายไป เช่นที่ จ.เลย จ.นครราชสีมา ลักษณะเช่นนี้เข้าข่ายการควบคุมครอบงำพรรคการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องไปดูว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่ กฎหมายก็เขียนระบุอยู่แล้วว่าหากใครไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้วไปให้คนนั้นเข้ามาครอบงำก็ผิดกฎหมาย ดังนั้นก็ต้องไปดูว่าเข้าข่ายหรือไม่ การพูดคุยในวงกันเองคงไม่ได้เป็นปัญหา แต่อยู่ที่ว่ามีการครอบงำหรือไปแทรกแซงหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรกับกรณีที่ล่าสุด พล.อ.ประวิตร ออกมาสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์นั่งนายกฯต่ออีก 4 ปี นายอภิสิทธิ์ยิ้มและกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน” เมื่อถามย้ำว่าไหวหรือไม่นายอภิสิทธิ์กล่าวปนหัวเราะว่าใครไหว