วันนี้ (15 มิ.ย.61) นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งให้ไปพิจารณาเรื่องกากอิเล็กทรอนิกส์ให้รอบคอบทุกมิติ โดยให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมและผลกระทบประชาชน ซึ่งตัวเองสั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม พิจารณาความคุ้มค่าของการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ เช่น นำเข้ามาปริมาณเท่าใด รีไซเคิลแล้วได้มูลค่าเท่าได มีการกำจัดที่ถูกต้องหรือไม่ ขั้นตอนต่าง ๆ มีปัญหาอะไรบ้าง และยังมีช่องโหว่ตรงจุดไหน รวมทั้งปริมาณรวมของขยะอิเล็กทรอนิกส์ในไทยมีจำนวนเท่าใด เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจว่าไทยยังมีความจำเป็นในการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์หรือไม่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
ต้องดูทุกมิติก่อนที่จะตัดสินใจ หากขยะอิเล็กทรอนิกส์ในไทยมีไม่เพียงพอให้โรงงานรีไซเคิล ต่อไปไทยก็จะไม่มีโรงงานรีไซเคิล หรือโรงงานกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณภาพดีๆ ก็จะกระทบต่อการกำจัดขยะในประเทศด้วย เพราะจะเหลือแค่โรงงานขนาดเล็กที่ประสิทธิภาพไม่ดี
นายสมชาย ยอมรับว่าขยะอิเล็กทรอนิกส์ในไทยยังมีมูลค่าไม่มากพอ หากเทียบกับซากที่มาจากต่างประเทศ ยกตัวอย่างคอมพิวเตอร์ที่มาทั้งเครื่อง แต่ของไทยพบว่าจะถูกซาเล้งนำของที่มีมูลค่าไปใช้ก่อน เช่น สายไฟ ทำให้การรีไซเคิลไม่คุ้มค่า
นอกจากนี้ ต้องพิจารณาขั้นตอนการนำเข้าใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่การออกใบอนุญาต กรมโรงงานอุตสาหกรรมต้องเข้าไปตรวจสอบโรงงานที่ขออนุญาตนำเข้าขยะว่าเครื่องจักรมีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่ และร่วมกับกรมศุลกากรตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ว่าสิ่งของที่สำแดงมีอะไรบ้าง เป็นไปตามที่แจ้งมาหรือไม่ รวมทั้งแจ้งอุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่ตั้งโรงงานด้วยว่าจะมีขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปโรงงานในพื้นที่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรม จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าเรือแหลมฉบัง ที่มีการขนส่งขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในช่วงที่ให้เจ้าหน้าที่ไปศึกษาความจำเป็นในการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างนี้สั่งให้กรมโรงงานฯ ตรวจสอบการกำจัดขยะทั้งในส่วนของขยะอิเล็กทรอนิกส์จากการนำเข้าและขยะอุตสาหกรรมในประเทศอย่างเข้มงวด คาดว่าจะตรวจสอบแล้วเสร็จทั้ง 2,265 โรงงาน ภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ จากปัจจุบันที่ได้ตรวจสอบไปแล้ว 240 โรงงาน