จากกรณีนักท่องเที่ยวหลายคนออกว่ายน้ำเล่นกับฉลามวาฬ และสัมผัสที่ตัวฉลามวาฬ บริเวณเกาะเล้าเป็ดเล้าไก่ ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา
วันนี้(25 เม.ย.2561) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือ ทช. กล่าวว่า ถือเป็นข่าวดีที่พบฉลามวาฬในทะเล จ.ชุมพร บริเวณดังกล่าวซึ่งกลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลหายาก แสดงให้เห็นว่าระบบนิเวศของท้องทะเลในพื้นที่ดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากฉลามวาฬจะกินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร โดยจะเข้ามาในระยะชายฝั่งให้นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นได้
ทั้งนี้ การชมฉลามวาฬดังกล่าว ด้วยการเข้าไปสัมผัส หรือว่ายน้ำอย่างใกล้ชิด ถือเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง เพราะการเข้าไปสัมผัสตัวสัตว์ทะเลหายากเหล่านี้โดยตรง อาจจะทำให้สัตว์ติดเชื้อจากมนุษย์ได้ หรือมนุษย์อาจจะได้รับอันตรายได้
สำหรับฉลามวาฬในปัจจุบันมีสถานภาพเป็นสัตว์คุ้มครองตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าปี พ.ศ.2535 ซึ่งตามมาตรา 16 ของ พ.ร.บ. ดังกล่าว ห้ามมิให้ผู้ใดล่าหรือกระทำอันตรายอื่นใด แก่ฉลามวาฬ อันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เปิดแนวปฏิบัติชมฉลามวาฬถูกวิธี
สำหรับแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ที่นักท่องเที่ยวสมควรปฏิบัติกรณีที่พบเห็นสัตว์ทะเลหายาก ได้แก่ ลดความเร็วเรือเมื่อเข้าใกล้ฉลามวาฬในระยะน้อยกว่า 50 เมตร ให้ความเร็วเหลือน้อยกว่า 2 น็อต ไม่จอดเรือขวางฉลามวาฬ เว้นระยะห่างระหว่างเรือกับฉลามวาฬไม่น้อยกว่า 20 เมตร นำเรือเข้าชมทีละลำเพื่อไม่สร้างความเครียดให้กับฉลามวาฬ ถ้าฉลามวาฬเข้ามาใกล้ให้นักดำน้ำลอยตัวอยู่นิ่งๆ ไม่ไล่คุกคามหรือขวางทางว่ายของฉลามวาฬ หากฉลามวาฬพลิกตัวตะแคงข้างใส่กระทันหัน ให้หยุดกิจกรรมที่จะทำให้ฉลามวาฬเครียดเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ไม่เพียงเฉพาะพื้นที่ในจังหวัดชุมพร ที่มีฉลามวาฬโผล่ให้นักท่องเที่ยวได้พบเจอ แต่ในกรณีพื้นที่อื่นๆ ที่มีสัตว์ทะเลหายากชนิดอื่น เช่น โลมาสีชมพู ในบริเวณ จังหวัดนครศรีธรรมราช วาฬบรูด้า บริเวณอ่าวไทยรูปตัว ก. โลมาหัวบาตรบริเวณปากแม่น้ำบางปะกง หรือกลุ่มพะยูน ในบริเวณพื้นที่จังหวัดตรัง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งขอให้นักท่องเที่ยวใช้หลักชมสัตว์ทะเลหายากเหล่านี้โดยใช้แนวทางปฏิบัติแบบสากล เช่นเดียวกันเพื่อความปลอดภัยของคนและสัตว์