ตัวละครที่เกี่ยวข้องจะมีพระชั้นผู้ใหญ่ที่สนิทสนมกับผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) 2 ยุค คือนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ และนายพนม ศรศิลป์
พระชั้นผู้ใหญ่ร่วมกับ ผอ.พศ.ทั้ง 2 ยุค ทำเอกสารขึ้นมาว่า วัดจะขอเงินสนับสนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรมจากสำนักพุทธ เพื่อนำไปให้วัดอื่นๆ ระบุจำนวนเงิน ระบุโรงเรียนสงฆ์ชัดเจน แต่วัดอื่นๆ ที่ว่ากลับไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว ซึ่งแตกต่างจากการทอน เพราะหากเป็นการทอนเงิน เงินส่วนหนึ่งจะกลับไปที่ ผอ.พศ. แต่กรณีเป็นพระชั้นผู้ใหญ่จึงไม่ต้องทอน เมื่อเงินไม่ได้ไปถึงโรงเรียนจริงๆ เงินก็จะถูกแบ่งไปใช้ผิดประเภท เช่น สร้างกุฏิของพระชั้นผู้ใหญ่ ส่งต่อไปให้พระธรรมทูตที่อยู่ในต่างประเทศ เข้าบัญชีส่วนตัวของพระเอง
พระชั้นผู้ใหญ่ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยทำแบบนี้มาหลายปี ยอดเงินประมาณ 70 ล้านบาท จึงไม่แปลกที่ พศ.ให้งบประมาณอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรมประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี แต่หลายๆ วัดต้องปิดโรงเรียน เพราะไม่มีเงิน หรือบางวัดต้องขอให้ญาติโยมบริจาคให้โรงเรียน นี่คือพฤติกรรมการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์