เมื่อวานนี้ (8 ก.พ.2561) นายนพดล หลาวทอง ทนายความได้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีจำนำข้าว ยื่นคำร้องขอต่อศาลปกครองกลางเพื่อพิจารณาสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหาย โครงการรับจำนำข้าว 35,000 ล้านบาท ไว้ก่อนที่จะมีคำพิพากษาเป็นรอบที่ 3
นายนพดล เปิดเผยว่า การยื่นคำร้องใหม่อีกเนื่องจากเห็นว่าการยึดทรัพย์บังคับคดีจะต้องเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่เกิดขึ้น หลังจากศาลมีคำพิพากษา แต่กรณีนี้ยังไม่มีคำพิพากษาของศาลใดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดชดใช้ โดยคำสั่งที่ให้ชดใช้เป็นเพียงคำสั่งทางปกครอง และน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาแล้วว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้กระทำผิดในส่วนของการดำเนินนโยบายจำนำข้าว
หากให้คำสั่งทางปกครองมีผลบังคับต่อไป จะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง จนยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง เพราะขณะนี้กรมบังคับคดีเตรียมการขายทอดตลาดกับทรัพย์สินที่ยึดอายัดไป โดยเฉพาะบ้านพร้อมที่ดิน ซึ่งมีบุตรและสามีกับเครือญาติพักอาศัยอยู่ หากขายทอดตลาดไปแล้ว ภายหลังศาลพิพากษาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้กระทำผิด ก็ไม่อาจเรียกคืนได้ อันเป็นความเสียหายทั้งต่อตัวทรัพย์สิน และความเสียหายทางจิตใจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคนในครอบครัว การที่ศาลจะสั่งให้งดหรือชะลอการขายทอดตลาดทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา จะไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่การบริการสาธารณะ
นายนพดล ยังกล่าวอีกว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาลที่อยู่ในความรับผิดชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ต้องเป็นผู้รับผิด หากเห็นว่าการดำเนินการต่างๆ เป็นไปด้วยความไม่ถูกต้องก็ต้องเป็นอำนาจตรวจสอบของรัฐสภา ซึ่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติทางการปกครอง บังคับไว้ชัดเจนว่าไม่ให้นำเรื่องคำสั่งทางปกครองหรือกระบวนการทางปกครองมาใช้บังคับกับกรณีนี้
ก่อนหน้านี้ ศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องขอชะลอการยึดทรัพย์ มาแล้ว 2 ครั้งคือวันที่ 10 เม.ย.2560 และวันที่ 29 ม.ค.2561 ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เคยระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ สามารถยื่นขอชะลอการยึดทรัพย์กี่ครั้งก็ได้ และทุกอย่างขึ้นกับการพิจารณาของศาล