วานนี้ (1 ก.พ.2561) พ.ต.ท.เพชรชุมพร ศรีวะรมย์ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) นำตัวผู้ต้องหา และสำนวนคดีสั่งฟ้องผู้ต้องหาสมคบกันฟอกเงิน ในคดีทุจริตโกงเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนา หรือเงินทอนวัดเป็นเอกสาร 9 แฟ้ม ยื่นต่ออธิบดีอัยการสำนักงานคดี ปราบปรามการทุจริต
ผู้ต้องหาประกอบด้วย นายฉัตรชัย ชูเชื้อ อดีตผู้อำนวยการพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายนพรัตน์ เบญจวัฒนะ อดีต ผอ.พ.ศ. นายฉัตรชัย ชูเชื้อนายสมเกียรติ ขันทอง หรือ อดีตพระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าอาวาสวัดลาดแค และเจ้าคณะอำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตไปก่อนหน้านี้ และจะครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 6 ในวันที่ 10 ก.พ.นี้
สำหรับผู้ต้องหาที่ 1 คือ นายนพรัตน์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ได้หลบหนี พนักงานสอบ สวนก็เสนอมาเห็นควรสั่งฟ้องในวันนี้ และเห็นควรให้ออกหมายจับ ซึ่งคดีจะขาดอายุความในวันที่ 21 ม.ค.2579
สำหรับข้อหาฟอกเงิน ซึ่งมีสำนักงาน ปปง.เป็นผู้กล่าวหา ความเสียหายในคดีนี้ที่ปรากฏในสำนวนกล่าวหาว่ามีการเบียดบังจัดสรรงบประมาณของวัดต่างๆ ในเขต จ.เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ตาก และชุมพร ประมาณ 28 ล้านบาท และเงินทอนที่ผู้ถูกกล่าวหาเบียดบังไป 21 ล้านบาทเศษ
นอกจากนี้ยังมีอยู่อีกหลายสำนวนที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานอัยการพิจารณา ซึ่งสำนวนที่อยู่ระหว่างพิจารณาในชุดแรก เป็นสำนวนที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลเข้ามา ซึ่งยังมีผู้ต้องหาหลายสิบคน ที่จะทยอยส่งให้อัยการพิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป
ด้านนายวิเชียร ถนอมพิชัย อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต กล่าวว่า จะตั้งคณะทำงานขึ้นพิจารณาโดยที่มีรองอธิบดีฯ เป็นหัวหน้าคณะทำงานก็จะพิจารณาให้แล้วเสร็จและมีคำสั่งก่อนที่จะครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายอดีตพระครูกิตติพัชรคุณ วันที่ 22 ก.พ.นี้