วันนี้ (4 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์รายงานว่า หลังเกิดเหตุ ทหารอากาศคนหนึ่งใช้ปืนชี้ไปที่ นักร้องเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง “ปู พงษสิทธิ์ คำภีร์” ระหว่างแสดงดนตรีที่ จ.อำนาจเจริญ ซึ่งต่อมา โฆษกกองทัพอากาศทราบเรื่อง และให้ต้นสังกัดตั้งกรรมการสอบวินัยแล้วนั้น
ล่าสุดมีบรรดาเพื่อนของ ปู พงษ์สิทธิ์ แสดงความห่วงใยในความปลอดภัย ผ่านเฟซบุ๊ก โดยเพื่อนสนิทของปู พงษ์สิทธิ์ ที่ใช้เฟซบุ๊กว่า Ammahit Kongpien เขียนข้อความระบุว่า
ผมอยากจะบอกเพื่อนว่า...
——————————-
บ่ายนี้ ผมจะเดินทางไปอุบลราชธานีตามนัดหมายที่มีไว้นานแล้ว จะต้องไปทำธุระปะปังอะไรหลายอย่าง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เพื่อนกำลังตระเวณเล่นดนตรีอยู่แถบนั้น เราจึงนัดหมายกันคร่าวๆ ไว้นานแล้วว่า จะเจอกันนะ
แล้วเมื่อคืนก่อน เพื่อนเกิดเรื่องที่เป็นข่าวครึกโครมไปทั่วประเทศ ผมเห็นคลิปที่มีชายคนหนึ่งพยายามยื่นมือไปขอจับมือเพื่อน ในขณะที่เพื่อนสะพายกีต้าร์เล่นดนตรีและร้องเพลงสร้างความสุขให้คนฟังทั้งร้าน
จะด้วยความโกรธแค้นหรือความเมาไม่ทราบได้ ชายคนนั้นชักปืนจ่อไปที่เพื่อนอย่างน่าหวาดเสียว แต่ที่น่าตกใจและทำให้ผม ‘หัวใจหล่น’ ที่สุดก็คือ เพื่อนเดินตรงเข้าไปจับปืนกระบอกนั้น
ชีวิตของนักดนตรีกลางคืนมันก็สุ่มเสี่ยงพออยู่แล้ว ยิ่งมีชื่อเสียงยิ่งตกเป็นเป้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เพื่อนก็เดินบนเส้นทางนี้มาได้อย่างอยู่รอดปลอดภัย ทั้งอาจะเป็นเพราะความเข้าอกเข้าใจแฟนเพลง การจัดระบบระเบียบที่ดี และการบริหารอารมณ์อีกสารพัด
ตลอดเวลา 30 ปีที่เพื่อนทำงานเพลงมา เขาตั้งมั่นที่จะสร้างความสุขให้แฟนเพลง แต่งเพลงสร้างดนตรีที่ทำให้คนฟังมีความสุข ออกตระเวณเล่นคอนเสิร์ตในราคาที่ถูกกว่าวงดนตรีเด็กๆ อย่างชนิดน่าตกใจ เพียงเพื่ออยากให้ร้านรวงที่เคยว่าจ้างกันมา มีกำลังในการจ้าง สามารถทำกำไร และว่าจ้างวงดนตรีมาสร้างความสุขให้ลูกค้าได้ต่อๆไป
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ ‘เอาแต่ใจ’ คิดว่าจ่ายเงินซื้อเทปซื้อซีดีหรือโหลดเพลงแล้วจะต้องได้ทุกอย่างที่อยากได้ ไปดูคอนเสิร์ตทุกที่จะต้องได้ถ่ายรูปคู่ได้จับมือ หรือแม้กระทั่งไปเจอที่ไหนก็ตาม ถ้าอยากถ่ายรูปต้องได้ถ่าย อยากจับมือต้องได้จับ โดยไม่เห็นอกเห็นใจเลยว่า นั่นจะเป็นเวลาส่วนตัวหรือไม่ แต่เพื่อนก็ไม่เคยอิดออด ถ้าทำอะไรได้ก็ทำ เพื่อให้ทุกคนมีความสุข
แล้ววันหนึ่งก็มีคนๆ หนึ่งยกปืนขึ้นจ่อที่หน้า เพียงเพราะไม่พอใจในเรื่องเล็กๆ ผมไม่เข้าใจจริงๆว่ามันคืออะไร ? ชีวิตเราจะอยู่กันต่อไปอย่างไร ? เมื่อวานผมเหลือบมองโทรศัพท์หลายหน ตั้งแต่สายๆ จนถึงเย็น ชั่งใจว่าจะโทรหาเพื่อนดีไหม เพราะแน่นอนว่าคงยังไม่ตื่นนอน จึงโทรไปทิ้งไว้ ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเวลาที่ยังไม่เปิดเครื่อง แต่เหนือสิ่งอื่นใด เพื่อนคงต้องตอบคำถามใครต่อใครมากมาย ผมจึงไม่อยากไปรบกวนเพื่อนอีก
ระหว่างวัน ผมนึกถึงคำพูดที่ตั้งใจจะแสดงความห่วงใย คิดวนอยู่หลายหน ว่าจะบอกแบบไหน ที่ทำให้เพื่อนไม่อึดอัดใจในความเป็นห่วงของเรา หรือไม่ให้เพื่อนเซ็ง
ราวๆ 5 โมงเพื่อนโทรมา เพียงแค่คำถามแรกจากเพื่อน ผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก มันพูดไม่ออกจริงๆ เพราะเพื่อนถามว่า “พรุ่งนี้..มาหา..กี่โมง” จากนั้นเราได้แต่คุยเรื่องสนุก หัวเราะกันลั่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ก่อนวางสาย ผมกัดฟันพูดออกไปเบาๆว่า “กูห่วงมึงนะ” เพื่อนหัวเราะแล้วบอกว่า “กูรู้” แล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะ...ส่งท้ายว่า
“ทีหลังอย่าไปจับปืนอีกนะ”
ค่ำนี้เราจะได้เจอกัน ด้วยใจที่เป็นห่วงเพื่อนมากที่สุด
#เพื่อนคำภีร์